นิยาม"การเมืองใหม่" ที่พันธมิตรฯเรียกร้องมาตั้งแต่อยู่บนเวทีในทำเนียบรัฐบาล
ถึงตอนนี้ คนทั่วไปก็ยังตามไม่ค่อยทัน หน้าตามันจะเป็นอย่างไร?
โดยหลักการแล้ว หากทำการเมืองให้ปลอดการซื้อเสียง การทุจริตถอนทุน การใช้อำนาจในทางมิชอบ อย่างน้อยให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
โดยที่ยังคงหลักการ"ประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข" ไว้อย่างเดิมได้
การเมืองใหม่ก็คงเป็นที่พึ่งหวังของประชาชน
แล้วลองประเทศไทย ปราศจากซึ่งความอุบาทว์ต่างๆ ที่กระทำโดยน้ำมือนักการเมือง (ดังที่ยกตัวอย่างข้างต้น)
เป็นการเมืองของคนดีที่ดีจริง ต้องการอาสาพี่น้องประชาชนมารับใช้จริงๆ
ไม่ใช่มาทำมาหารับประทานกับงบประมาณ ซื้อขายเก้าอี้ข้าราชการ
หรือแบบผลประโยชน์ทับซ้อน ออกนโยบายประเทศให้เอื้อประโยชน์ทางธุรกิจของตัวเองและพวกพ้อง
ประเทศไทยก็แทบจะเป็นประเทศพัฒนาแล้วได้เลย อย่างน้อยก็ในด้านการเมือง
แต่ก่อนที่"การเมืองใหม่"จะอุแว้ออกมาได้ ภายใต้การผลักดันของพันธมิตรฯ
ดูเหมือนทารกน้อย จะแท้งเสียแล้วตั้งแต่ในครรภ์
แทบจะเริ่มตั้งแต่มีแกนนำจ้อในลักษณะลำเลิกบุญคุณกับพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งหลายเดือนมาแล้ว
ยิ่งมาช่วงนี้ยิ่งหนัก เมื่อมีคดีความเรื่องยึดสถานที่ราชการบีบรัดเข้ามา
เมื่อมีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ แล้วพันธมิตรฯขอร่วมจัดทัพวางตัวคนไม่ได้ดั่งใจ
การอาละวาดฟาดงวงฟาดงา ก็หนักขึ้น
เดาได้ไม่ยากว่า พอมีอารมณ์แค้นแบบนี้เมื่อไร ประเดี๋ยวคงได้มีม็อบเสื้อเหลืองเต็มเมืองอีก
เหมือนตอนที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เคยเจอ
ลีลาอาการแบบนี้ทำให้ความหวังเรื่องการเมืองใหม่ คงจะเป็นแค่ฝันกลางฤดูร้อน
เพราะการเมืองใหม่จะเกิดขึ้นได้ ก็ด้วยการเสียสละของคนดีเท่านั้น
พ.ต.ท.ทักษิณเคยโดนโจมตีอย่างหนัก เรื่องใช้อำนาจล้นฟ้าของตัว ในการแทรกแซงกระบวนการต่างๆของราชการ
คนที่ไม่เห็นด้วยกับความไม่ดีดังกล่าวของพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ต้องแสดงจุดยืนให้ชัดเจน จะเป็นฝ่ายตรงข้ามในทุกเรื่อง
จะต้องติดคุกติดตะราง อันเนื่องจาก (ตัวเองมองว่า) ได้เสียสละเพื่อบ้านเมืองที่ดีกว่า
ก็ต้องปล่อยให้กระบวนการดำเนินไป
มิฉะนั้น ประเทศไทยก็คงจะจมปลัก ด้วยเรื่องราวทำนองเดียวกัน แต่สลับข้าง
พอใครมีอำนาจรัฐในมือ ก็พยายามจะใช้แบบไม่เกรงใจคนอื่น
การประท้วงจากฝ่ายเสื้อแดง ก็จะมีเชื้อไฟร้อนแรงต่อเนื่องไปไม่รู้จบ
สิ่งหนึ่งที่พันธมิตรฯต้องประเมิน
สภาพ"ม็อบมีเส้น"ของตัวเองหมดไปแล้วหรือยัง
อย่าลืมว่ารัฐบาลนี้ก็เป็น"เทพประทาน"!