นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ รวมไปถึงนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ออกอาการในทันทีหลังพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ออกมาวิพากษ์เรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
ในทำนองว่า"เด็ก 2 คน"ทำงานด้วยวิธี"กู้"และ"แจก" เท่านั้น
ตีเข้าแสกหน้าเต็มๆ!!
หากเป็นคนอื่นพูดรัฐบาลคงไม่เต้นขนาดนี้ และคงไม่รีบออกมาตอบโต้ในทันทีทันควัน
ประการสำคัญเพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นหนามยอกอกในเรื่องเศรษฐกิจของพรรคประชาธิปัตย์
เพราะเข้ามาบริหารประเทศในช่วงกึ่งกลางระหว่างรัฐบาลนายชวน หลีกภัย และรัฐบาลนายอภิสิทธิ์
ที่สำคัญในสมัยพ.ต.ท.ทักษิณ แม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ในปัญหาทุจริต หรือการใช้อำนาจอย่างไม่เหมาะสม
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าหากมองเพียงในแง่เศรษฐกิจแล้ว ถือว่าเป็นหนึ่งในยุคทองก็ว่าได้
ขณะที่รัฐบาลก่อนคือนายชวน ถือว่าทำได้ไม่สวยนัก ขณะ ที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ยังลูกผีลูกคนอยู่
แม้จะมองด้วยความเห็นใจว่ายุคนายชวน เมืองไทยกำลังโซซัดโซเซจากวิกฤต"ต้มยำกุ้ง"
มาถึงยุคนายอภิสิทธิ์ ก็เจอพิษ "แฮมเบอร์เกอร์" และการตกต่ำทั่วโลก
แต่เชื่อว่ามีคนไทยอีกไม่น้อยจะนำการบริหารประเทศในเรื่องเศรษฐกิจระหว่างยุคพรรคประชาธิปัตย์ และพ.ต.ท. ทักษิณ มาเปรียบเทียบ
หากมองตัดตอนแต่เรื่องเศรษฐกิจ ประชาธิปัตย์เป็นรองอยู่หลายขุม!!
เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ มีผลงานให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญในเรื่องเศรษฐกิจมากกว่า
แม้แต่ท่านผู้นำม็อบเสื้อเหลือง ก็กลับมาลืมตาอ้าปากได้อีกครั้งก็ในยุคพ.ต.ท.ทักษิณ หลังเจ๊งสนิทในสมัยต้มยำกุ้ง!?
ด้วยเหตุนี้เองทำให้ระยะหลังพ.ต.ท.ทักษิณ จึงเน้นวิพากษ์ เรื่องเศรษฐกิจเป็นพิเศษ เพราะรู้ว่าเป็นจุดสลบของคู่แข่งการเมือง
ยิ่งรัฐบาลนี้กู้มากเท่าไหร่ ทำงบประมาณขาดดุลมากขนาดไหน ก็ยิ่งเข้าทาง
พ.ต.ท.ทักษิณ จะคุยได้ว่าเป็นผู้ปลดแอกเมืองไทยจากไอเอ็มเอฟ ที่รัฐบาลนายชวนไปกู้เงินมา
พ.ต.ท.ทักษิณ จะคุยได้ว่าเป็นรัฐบาลแรกๆ ที่ทำงบประมาณสมดุล และเกินดุลได้สำเร็จ ขณะที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ กำลังจะถูกบันทึกว่าเป็นรัฐบาลที่ทำงบประมาณขาดดุลมากที่สุดในประวัติศาสตร์
นายอภิสิทธิ์ และพลพรรคประชาธิปัตย์ จึงต้องทำการบ้านเรื่องเศรษฐกิจให้หนักกว่านี้ และทุ่มเทกับเรื่องนี้มากกว่าการโยกย้ายข้าราชการ หรือจ้องเล่นงานคนอื่น
หากต้องการปลดแอกจากเงาเศรษฐกิจของ พ.ต.ท.ทักษิณ!?