เมื่อเวลา 09.30น. วันนี้ (12 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนใน บมจ.การบินไทย เสนอย้ายการบินไปที่สนามบินสุวรรณภูมิ ว่า
หลังจากพูดคุยกันในที่ประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจการตัดสินใจต้องเป็นการตัดสินใจของบริษัท ซึ่งเราได้ให้ข้อสังเกตไป และได้สอบถาม นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคมแล้ว อย่างไรก็ตาม ในช่วงบ่ายวันเดียวกันก็จะมีการตอบกระทู้ถามสดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ต้องตอบให้ชัดเจน ทั้งนี้นโยบายสนามบินเป็นเรื่องของรัฐบาล ขณะนี้ถ้าการบินไทยจะตัดสินใจย้ายไปสุวรรณภูมิ ทางสายการบินอื่นๆ ที่ใช้สนามบินดอนเมืองก็ยังใช้อยู่ และทราบว่า มีความเป็นไปได้ด้วยซ้ำที่จะขยายสนามบินดอนเมือง แต่อยู่ที่ความพร้อมของเขา เพราะฉะนั้นนโยบายรัฐบาลดูเรื่องสนามบิน ขณะเดียวกันได้ให้ข้อสังเกตแก่การบินไทย ว่า การตัดสินใจถ้านโยบายสนามบินยังไม่เรียบร้อย ถ้าทำแล้วฝืนความรู้สึกลูกค้าตนเองโดยเฉพาะลูกค้าคนไทย หากทำแล้วต้องเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารอยู่ดี มีคำถามเยอะซึ่งหากการบินไทยยืนยันก็ต้องตอบให้ได้
นายกฯจวกบินไทยปั่นตัวเลขลดค่าใช้จ่ายย้ายสนามบิน
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายโสภณ ระบุว่าเห็นด้วยกับการให้บริษัทการบินไทยย้ายไปทำการที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพียงแห่งเดียวเป็นการงัดข้อกันหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่หรอก เข้าใจว่าถูกถามว่า ครม.คัดค้านหรือไม่
ซึ่งนายโสภณก็ตอบว่า ครม.ไม่ได้คัดค้านมีประเด็นที่หยิบยกมาพูดกัน และให้เป็นเรื่องการตัดสินใจของการบินไทย เมื่อถามว่า สรุปว่ามีมติให้ย้ายการบินไทยในวันที่ 29 มี.ค. ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มติของการบินไทยเป็นอย่างนั้น แล้วก็ทำตารางการบิน ข้อห่วงใยมีอยู่ว่า ถ้าเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจจะกระทบต่อลูกค้าที่จองตั๋วตามตารางการบินใหม่แล้วหรือไม่
เมื่อถามว่า รัฐบาลยังกั๊กอยู่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องดูตัวเลข ที่ซักไซร้ไล่เรียงกันคือ ฝ่ายที่สนับสนุนว่าจะให้เป็นสนามบินเดียว เมื่อถูกซักถามตัวเลขมั่นใจหรือไม่ ว่า ถ้าไปสนามบินเดียวแล้วจะไม่กลับมาใช้สนามบินดอนเมือง ตัวเลขไม่ชัด อย่างที่ตนเรียนว่า ถูกสร้างขึ้นมารองรับ 45 ล้านคน วันนี้เกิน 40 กว่าล้านคนแล้ว ในภาวะที่เศรษฐกิจผิดปกติ เมื่อเศรษฐกิจฟื้นเชื่อเลยว่า ใกล้ หรืออาจจะเกิน 45 ล้านบาท ตนถามว่า ขยายทันหรือไม่ และมีประเด็นในเชิงเศรษฐกิจในภาพรวม ซึ่งเรามีสินทรัพย์ของสนามบินดอนเมืองอยู่แล้ว ในภาวะอย่างนี้สมควรที่จะใช้สินทรัพย์ตรงนี้ให้เป็นประโยชน์อย่างไร
ต่อข้อถามอีกว่า ทำไมรัฐบาลอยู่ภายใต้การบินไทย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนก็ได้ย้ำไปว่ารัฐบาลต้องดูภาพใหญ่ก่อนและให้ผู้ประกอบการตัดสินใจภายใต้กติกาที่เป็นรัฐบาลกำหนดนโยบายมากกว่าที่จะให้เขาตัดสินใจไปโดยที่คิดว่าตัดสินใจแล้วมีผลต่อนโยบาย เมื่อถามว่า การตัดสินใจของกระทรวงคมนาคมอาจจะเอื้อประโยชน์ให้บ.คิงพาวเวอร์ หรือโลคอสแอร์ไลน์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่ประชุมครม.เศรษฐกิจก็ได้ตั้งข้อสังเกตเพราะมีการตั้งคำถามเรื่องเหล่านี้ ฉะนั้นคนตัดสินใจต้องชี้แจงให้ได้ว่าไม่ได้เป็นอย่างนั้นเพราะอะไร “ข้อสังเกตทั้งหลายเราก็ให้ไป เพราะถือว่าในส่วนของการบินไทยเป็นการตัดสินใจเชิงธุรกิจโดยอ้างว่า ทำแบบนี้เพื่อลดค่าใช้จ่าย ซึ่งอ้างมา 600 ล้าน แต่เมื่อดูตัวเลขไม่คิดว่าเป็น 600 ล้าน เพราะที่ลดจริงๆชัดๆ ประมาณ 200 กว่าล้าน คำถามคือถ้าเราบอกเขาว่า เขาขอลดต้นทุน 200 ล้าน แล้วเราไม่ลดต้นทุนให้มันก็แปลกอยู่ แต่เราต้องบอกว่า 200 ล้าน ต้องไปชั่งน้ำหนักกับอีกด้านหนึ่ง และจริงๆ 200 ล้าน คงไม่ใช่ ตัวหลักในการปรับโครงสร้างหรือฟื้นฟู ซึ่งต้องเกิดขึ้นในเดือนเม.ย.นี้อีก” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ส่วนกรณีที่มีมีการเปิดเผยข้อมูลว่า บ.คิงพาวเวอร์ให้เงินกับ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่มี ตนยังถูกหักเงินเดือนอยู่ เรื่องนี้ตนไม่ทราบ แต่เรามีหน้าที่ในการชี้แจงและยอมรับการตรวจสอบจากทุกฝ่าย เมื่อถามถึงความสัมพันธ์ระหว่าง บ.คิงพาวเวอร์ กับ พรรคประชาธิปัตย์ มีความเป็นพิเศษอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าไม่มี อะไรเป็นพิเศษ เป็นเรื่องปกติ เขาทำธุรกิจเราเป็นนักการเมือง แนวทางพรรคก็ชัดเจนในเรื่องนี้