ปัดนายกฯเกาเหลาโสภณ สุเทพยันสนามบินเดียวยังไม่สรุป

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลกระทรวงคมนาคม กล่าววันนี้ (12 มี.ค.)

กรณีปัญหาความขัดแย้งระหว่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กับ นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมประเด็น การย้ายสนามบินดอนเมืองไปท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตามนโยบบายสนามบินเดียว หรือ ซิงเกิล แอร์พอร์ต ว่า เรื่องนี้ไม่มีปัญหาความขัดแย้ง และไม่เป็นปัญหา แต่สื่อมวลชนนำการพูดของแต่ละฝ่ายไปตีความ  นายกรัฐมนตรีพูดชัดเจนแล้วว่าเรื่องของการย้ายสนามบินให้เป็นเรื่องของผุู้บริหารสายการบิน พร้อมให้ข้อสังเกตว่าขณะนี้ในระหว่างการเปลี่ยนตัวผู้ บริหารบริษัท การบินไทย  จำกัด (มหาชน) หากมีผู้บริหารใหม่และเกิดทบทวนนโยบายขึ้นมาจะแก้ปัญหาอย่างไร  

"รัฐบาลยังไม่ได้ไปมีมติว่าจะใช้สนามบินสุวรรณภูมิเพียงสนามบินเดียวหรือ ใช้สองสนามบิน เพราะหากตัดสินใจไปจะเกิดผลกระทบ" รองนายกรัฐมนตรี กล่าว 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวต่อกรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม  ตอบข้อถามสื่อมวลชนกรณี ผู้บริหารบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ทำหนังสือไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

เรื่อง การขาดทุนของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ประเด็นต้องใช้งบบริหารสองสนามบินจึงมีแนวคิดต้องการให้ย้ายสนามบินมาอยู่ที่เดียวกันโดยกำหนดแผนว่าจะย้ายสนามบิน ภายในวันที่ 29 มี.ค. ว่า ทั้งสองเรื่องนี้ถือเป็นคนละเรื่องกัน อย่าได้ไปพูดว่ามันสวนทางกัน ความคิดเห็นไม่ตรงกัน ความจริงตนไม่ได้รับผิดชอบบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)  แต่ต้องการมาแปลความทั้งสองฝ่ายตามที่สื่อมวลชนมาถาม เพราะการฟื้นฟูบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)  เป็นเรื่องของบอร์ดบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)   ที่จะต้องดำเนินการหา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) คนใหม่ กระทรวงการคลังก็ได้มีการกำหนดให้กระทรวงคมนาคมทำแผนฟื้นฟู ดังนั้นเอาเรื่องนี้มาถามตน คงตอบไม่ได้  ไม่คิดว่าเรื่องแค่นี้จะเป็นเรื่องลุกลามทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่าง พรรคร่วมรัฐบาล 

"แต่เวลาเอาไปรายงานข่าวก็รู้สึกว่ามีสีสัน ยิ่งเป็นช่วงที่ใกล้จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลด้วย ผมว่าอย่าเอาไปว่าให้ใหญ่เกินความเป็นจริง" นายสุเทพ กล่าว 

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อกรณีพรรคฝ่ายค้านยื่นถอนถอดนายกรัฐมนตรีใน 7 ประเด็น 

พร้อมเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ โยงประเด็นไปถึงนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง สมัยเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์เกี่ยวกับเงินบริจาค 258 ล้านบาท  ว่า เรื่องนี้ต้องไปถามนายประดิษฐ์ เพราะตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นคนละยุคคนละสมัย  เคยตอบมาหลายครั้งเล้วว่าในช่วงที่ตนเป็นเลขาธิการพรรคไม่มีเรื่องแบบนี้ และในปัจจุบันก็จะไม่มี  เชื่อว่าเรื่องในอดีตนายประดิษฐ์จะสามารถชี้แจงได้ ถ้าจะมาถามให้ตนชี้แจงแทนเดี๋ยวเรื่องจะไปกันใหญ่  ส่วนกรณีพรรคฝ่ายค้านนำเรื่องในอดีตมาอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ตนจะไม่ทักท้วงคัดค้าน  อภิปรายมาก็ชี้แจงไป กลัวว่าฝ่ายค้านจะไม่พาดพิง และไม่ได้พูด  

เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านระบุว่ามีการแจ้งข้อมูลรายรับเงินบริจาคพรรคการเมืองที่เป็น เท็จต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในช่วงคาบเกี่ยวที่นายบัญญัติ บรรทัดฐาน  กับนายอภิสิทธิ์ เป็นหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์

นายสุเทพ ปฏิเสธว่า ไม่มีคาบเกี่ยว สื่ออย่าไปโยงว่าคาบเกี่ยว เพราะเป็นคนละยุคกัน  เมื่อถามต่อว่า  ประเมินญัตติยื่นถอดถอนและอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของพรรคฝ่ายค้าน เป็นอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มีน้ำหนัก แต่อย่าไปพูดเลยเดี๋ยวจะหาว่าตนไปท้าทาย แต่ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ส่วนที่จะมีการหยิบยกประเด็นการโยกย้ายข้าราชการกระทรวงมหาดไทยไม่เป็นธรรม ไปอภิปรายและอาจโยงมาถึงตนด้วยนั้น  โยงมาถึงตนก็จะได้มีโอกาสชี้แจง กลัวว่าจะไม่มีโยง 

ต่อข้อถามว่า ฝ่ายค้านอาจมีการอภิปรายการโยกย้ายข้าราชการในกระทรวงมหาดไทยที่มีฝ่ายการเมืองเข้าไปแทรกแซง นายสุเทพ กล่าวว่า ต้องไปถามกระทรวงมหาดไทย ตนเพียงกำกับนโยบาย  ในทางปฏิบัติเป็นหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย

ส่วนที่มีการระบุว่ามีฝ่ายการเมืองเจ้าไปแทรกแซงการใช้จ่ายงบ 1.5 หมื่นล้านบาทของ อปท.นั้น ต้องไปถาม นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยว่ามีการแทรกแซงจริงหรือไม่ ตนไม่ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับงบประมาณส่วนนี้ อย่ามาถามในส่วนที่ตนตอบไม่ถูก เมื่อถามย้ำว่า การที่ฝ่ายการเมืองเข้าไปแทรกแซงการใช้งบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)  รัฐบาลจะเข้าไปจตรวจ สอบหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นเรื่องของกระทรวงมหาดไทยต้องไปถามทางกระทรวงมหาดไทยเอง ตนมีหน้าที่กำกับในส่วนนโยบายไม่ได้กำกับการปฏิบัติการ เมื่อถามอีกว่า การโยกย้ายครั้งนี้มีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นเพราะรัฐบาลพยายามรุมทึ้งงบ ประมาณของอปท. นายสุเทพ กล่าวว่า เชื่อว่ากระทรวงมหาดไทยสามารถชี้แจงได้ หากฝ่ายค้านพูดเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายมากๆ เวลาฝ่ายค้านเข้าสภาฯก็คอยตั้งรับบ้างก็แล้วกัน