แค่ถูกขาใหญ่พันธมิตรออกมาด่าว่าเป็นคางคกขึ้นวอ และตัวการจะทำให้พรรคประชาธิปัตย์วิบัติฉิบหายเข้าหน่อย
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้จัดการรัฐบาล ถึงกับหงอ หมอบราบคาบแก้ว ยอมก้มประนมกร น้อมรับคำเทศนาสั่งสอนเสียแต่โดยดี
ดูแล้วผิดวิสัยนักเลงลูกทุ่ง ที่เกือบทั้งชีวิต ไม่เคยสยบยอม ก้มหัวให้ใคร
ที่ผ่านมา นายสุเทพก็ฟาดฟันดะ ต่อกรกับคู่แข่งทางการเมืองมาอย่างโชกโชน เคยเกรงกลัวหน้าอินทร์หน้าพรหมเสียที่ไหน
คราวนี้ ผิดฟอร์ม เจี๋ยมเจี้ยม และจ๋องจนน่าสงสัย
อาจจะเป็นเพราะที่ผ่านมา นอกจากไม่ยอมเชื่อฟังขาใหญ่แล้ว ยังบังอาจขัดอกขัดใจอีกต่างหาก
นั่นคือยอมทำตามรายการ "คุณขอมา" บ้าง แต่ให้ไม่หมดจนทำให้คนขอรู้สึกไม่ได้ดังใจ
เลยมีรายการทวงบุญคุณกันแบบไม่ไว้หน้า
เช่น จะทนนอนกับโจรได้นานแค่ไหนบ้าง อย่าเห็นพันธมิตรเป็นแฟนเก็บบ้าง
หรือแม้แต่การส่งสัญญาณว่าจะตั้งพรรคการเมืองขึ้นมา เพื่อเกทับพรรคประชาธิปัตย์
ล่าสุดมีรายการเดิมพัน-วัดใจกันครั้งใหญ่
เมื่อนายสุริยะใส กตะศิลา นายประพันธ์ คูณมี และนายสำราญ รอดเพชร บุกไปพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ถึงทำเนียบรัฐบาล
ขอให้เปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนรวม 13 คนในคดีที่ 21 พันธมิตรถูกออกหมายเรียก
นายสุริยะใสอ้างว่าเป็นพนักงานสอบสวนที่แต่งตั้งโดยรัฐบาลที่แล้ว มีส่วนได้ส่วนเสีย และเกี่ยวข้องกับการควบคุมเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551
พร้อมกับอ้างผลการสอบสวนของคณะกรรมการสิทธิฯ และคณะอนุกรรมการสอบสวนของวุฒิสภา
ทั้งๆ ที่ผลการสอบสวนดังกล่าว ยังมีข้อกังขาเรื่องความเป็น กลาง และความรอบด้าน
อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ก็รับปากว่าจะดูแลให้ พร้อมกับอ้างว่าเรื่องที่ยื่นร้องมา มีกฎหมายและหลักเกณฑ์อยู่แล้ว
ต้องจับตาดูกันต่อว่ารัฐบาลจะใช้หลักเกณฑ์แบบไหน มาตรฐานเดียวกันหรือไม่
จะมีชื่อนายตำรวจใหญ่ที่อยู่ในขบวนการยึดทำเนียบ ยึดสนามบินมาร่วมเป็นพนักงานสอบสวน เพื่อช่วยเหลือเฟือฟายกันหรือเปล่า
จะว่าไปแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างประชาธิปัตย์กับพันธมิตรในระยะหลัง ซดเกาเหลากันหนัก
เพราะปากของบรรดาโฆษกทั้งหลาย
ล่าสุด ถึงขนาดจะส่งคนที่เคยออกมายอมรับตรงๆ ว่าได้เป็น ส.ส.เพราะบารมีพันธมิตร อย่างนายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ เป็นกาวใจไปพูดคุย สงบศึก
เกี้ยเซี้ย สมประโยชน์กันอย่างไร ประชาชนต้องจับตา
รัฐบาลประชาธิปัตย์จะมีวิธีรอมชอม เอาอกเอาใจขาใหญ่แบบไหน?!