นายสุกิจ เจริญรัตนกุล ว่าที่ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ซึ่ง คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 10 มี.ค. มีมติให้พ้นจากตำแหน่ง อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ให้สัมภาษณ์รายการ "จมูกมด" ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง7 วันนี้ (11 มี.ค.) กรณีได้รับคำสั่งโยกย้าย ว่า
ประเด็นเรื่องนมเน่าเสียเป็นเพียงประเด็นที่สร้างขึ้นมา แต่สาเหตุจริงๆคือ มีผู้อยู่เบื้องหลังต้องการได้บุคคลของตัวเองมาจัดสรรงบประมาณอุดหนุน ในส่วนของ กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 15,000 ล้าน มากกว่า แต่ตนไม่สามารถเปิดเผยผู้ที่อยู่เบื้องหลังได้ เนื่องจากไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน
"อยากให้จับตาดูการจัดสรรงบฯ 15,000 ล้านบาท ที่เป็นเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประธานคณะกรรมการกระจายอำนาจ คือ นายกรัฐมนตรี (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) ประกาศหลักเกณฑ์ไว้ชัดเจน ว่าต้องให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งละไม่เกิน 2 โครงการ กระจายให้ทั่วถึงทั้งประเทศ แต่ในทางปฏิบัติมีการแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง ชี้มาให้คนนั้น ไม่ให้คนนี้ และมีขบวนการเรียกเงินเรียกทองเรียกผลประโยชน์ด้วย" อดีต อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กระทรวงมหาดไทย มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ ข้อหา ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา รายงานเท็จ ใส่ร้ายผู้บังคับบบัญชา นายสุกิจ กล่าวว่า
ตนเชื่อว่า ปลัดกระทรวงมหาดไทย คงไม่ตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบตนเอง แต่หากตั้งขึ้นมาก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะมีระเบียบที่สามารถดำเนินการได้อยู่แล้ว แต่ตนขอเรียนว่า ไม่ขัดคำสั่งแน่นอน หากคำสั่งนั้น เป็นคำสั่งที่ไม่ทำให้ตนเองต้องทำผิดกฎหมาย เช่น มีหนังสือสั่งการมาว่า ให้หัวหน้าส่วนราชการ คือ อธิบดี อนุมัติงบประมาณโดยต้องขอความเห็นชอบก่อนจะอนุมัติ ซึ่งทำไม่ได้ และพร้อมชี้แจงในประเด็นนี้
เมื่อถามว่า ถูกโยกย้ายเพราะใกล้ชิด พรรคเพื่อไทย นายสุกิจกล่าวว่า
ตนก้าวหน้ามาตามลำดับชั้น สนิทกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ส่วน พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตนเคารพ และศรัทธาการทำงาน ไม่ได้ใกล้ชิดกัน แต่เห็นว่า โยกย้าย ครั้งนี้ ไม่น่าจะกล้าทำกันขนาดนี้ เพราะอดีตที่ผ่านมา อธิบดี จะถูกโยกย้ายไปเป็น รองปลัดฯ จะไม่ตั้งเป็นผู้ตรวจ ฯ เพราะถือว่าถูกโยกเข้าไป อยู่ในกรุ
ถือเป็น สิทธิของข้าราชการ อยากให้ข้าราชการทุกคนทำแบบนี้ เพราะข้าราชการ มือซ้ายถือกฎหมาย มือขวาถือนโยบายรัฐบาล เพื่อประโยชน์สูงสุดประเทศชาติ แต่ข้าราชการส่วนมากมักอ่อนไหวต่ออำนาจ ทางการเมือง กลัวถูกโยกย้าย ถูกปลด ทำให้นักการเมืองเข้าใจผิด งบประมาณภาษีราษฎร แต่ละ ปีรัฐบาลได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา 1.8ล้านล้านบาท เงินมหาศาล นักการเมิืองจะคิดว่าเงินแต่ละกระทรวง เจ้ากระทรวงถือว่าเป็นงบของจะแบ่งให้เฉพาะพรรคพวกเป็นเรื่อง เสียหาย เมื่อนายกรัฐมนตรีได้อ่านรายละเอียดชัดเจนจะเห็นว่า ปัญหาอยู่ตรงไหน อะไรผิดอะไรถูก เมื่อตนพ้นจากตำแหน่งนี้ จะเขียน หนังสือเรื่องการปกครองส่วนท้องถิ่นไทย ที่ ตนไม่อยากเป็นอธิบดี เพราะท้องถิ่นปัญหามาก ใช้งบร้อยละ 90 กระจุก ตัว ท้องถิ่น ครึ่งประเทศ 3,000-4,000 แห่ง มีงบ แค่แห่งละ 10 ล้านบาทเศษ แต่บางแห่งมี 1,000 ล้านบาท