ยึดมติ 3 ศาลแม้มีพรฎ.เลือกตั้ง ย้ำไม่กดดันพิจารณายุบพรรค

วานนี้ (21 ก.ค.) นายอักขราทร จุฬารัตน์ ประธานศาลปกครองสูงสุด กล่าวถึงพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) การเลือกตั้งว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับปัญหาการสมานฉันท์ เพราะเรื่องสมานฉันท์เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตามมาภายหลัง ฝ่ายสมานฉันท์ก็ทำหน้าที่ของตนเองต่อไป ส่วนของศาลยังยึดมติของประธาน 3 ศาลเดิม ยังไม่เปลี่ยนแปลง แม้มี พ.ร.ฎ.กำหนดวันเลือกตั้งออกมาแล้ว แต่ศาลคงไม่ต้องทำอะไร หากมีอะไรที่เห็นว่าเป็นสิ่งราบรื่นที่สุดก็ให้ดำเนินการไปตามนั้น

"ไม่ต้องไปกำหนดจุดยืนอะไรอีก อะไรเป็นสิ่งที่ถูกต้องเราก็เสนอไปแล้ว ส่วนคนอื่นจะเห็นอย่างไร เราจะไปบังคับให้เห็นอย่างนั้นอย่างนี้ได้อย่างไร หลังจากมี พ.ร.ฎ.ออกมาแล้ว หากเห็นว่ามีปัญหาก็คงจะนัดคุยกัน ซึ่งประธานศาลต่างยืนยันตามมติเดิม" ประธานศาลปกครองสูงสุดกล่าว

ด้านนายจุมพล ณ สงขลา ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีที่นายรองพล เจริญพันธุ์ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี รักษาการเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ระบุว่าการวินิจฉัยยุบ 5 พรรคการเมือง ไม่น่าจะเสร็จก่อนการเลือกตั้งวันที่ 15 ต.ค. ว่าตนไม่แน่ใจว่าจะเสร็จทันการเลือกตั้งหรือไม่ และคิดว่าไม่เกี่ยวกับ ครม.หรือนักการเมือง ใครมีหน้าที่อะไรก็ทำไป หากหลังเลือกตั้งได้ตัวนายกรัฐมนตรี แล้วศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบ 5 พรรค และคนที่เป็นนายกรัฐมนตรีมาจากพรรคที่ถูกสั่งยุบก็ต้องถอดถอนจากตำแหน่ง

ส่วน พ.ร.ฎ.เลือกตั้งที่ออกมาทำให้เกิดแรงกดดันต่อการพิจารณาคำร้องยุบพรรคของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายจุมพล กล่าวว่า ไม่น่าจะกดดันอะไร ส่วนกรณีที่พรรคไทยรักไทยแถลงว่าจะขอยืดระยะเวลาการทำคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ จากที่ศาลให้เวลา 15 วันนั้น นายจุมพล กล่าวว่า หากทำเรื่องขอมาจริง ศาลคงต้องให้เพราะถือว่าเป็นสิทธิของผู้ถูกร้องและถูกกำหนดไว้ในวิธีพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว อีกทั้งคำร้องนี้ผู้ถูกร้องจำเป็นต้องหาพยานหลักฐานที่มีอยู่จำนวนมากมาสู้คดี การขอเวลาหาข้อมูลจากที่กำหนดไว้ ไม่น่าจะเสียหายอะไร อย่างไรก็ตาม พรรคอื่นๆ ที่ถูกร้องก็สามารถขอขยายเวลาในการทำชี้แจงได้เช่นเดียวกัน ที่ผ่านมาบางคำร้องผู้ถูกร้องขอขยายเวลาทำคำชี้แจงถึง 2 เดือนก็เคยมี ขึ้นอยู่กับที่ประชุมคณะตุลาการ หากเห็นว่าเหตุผลที่ยกขึ้นมาอ้างเหมาะสมก็อนุญาตให้ขยายเวลาได้