สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา ว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ ( 5 มี.ค.) ที่มีนายสามารถ แก้วมีชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม
ช่วงเปิดให้สมาชิกหารือ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ได้ขอหารือถึง นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่จะมีการแจกเงิน 2,000 บาท ให้ผู้ประกันตนในระบบประมาณ 8 ล้านคน ว่าผลประโยชน์จะตกอยู่กับธนาคารกรุงเทพ ซึ่งจะได้รับเงินค่าเช็คจำนวน 18 ล้านบาท แทนที่จะเป็นรายได้ให้แก่ธนาคารของรัฐ
รมว.แรงงานแจงเลือกธ.กรุงเทพออกเช็ค2พันประหยัดงบ
ด้าน นายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ต้องขอชี้แจงเพราะเกรงประชาชนจะเข้าใจผิด
แต่กระทรวงแรงงานได้เชิญธนาคารทุกแห่งมาเสนอราคาแล้วปรากฏว่าทุกธนาคารเสนอราคาเช็คที่ 3-5 บาทแม้จะขอต่อรองแล้ว ก็ไม่มีใครยอมลดให้แม้แต่ธนาคารของรัฐ ดังนั้นธนาคารกรุงเทพ ซึ่งเสนอราคาต่ำสุด คือ 2บาท จึงได้รับทำเช็คดังกล่าวไป พร้อมทั้งจะรับภาระนำเช็คให้ประชาชนถึงสถานประกอบการด้วย การทำเช่นนี้เท่ากับเป็นการประหยัดงบประมาณของประเทศที่ไม่ต้องจ่ายค่าเช็คถึงใบละ 5 บาท หากมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องตนคงเลือกธนาคารที่เสนอต้นทุนทำเช็คใบละ 5 บาทแล้ว
จากนั้นที่ประชุมสภาฯได้เปิดโอกาสให้ ส.ส.ได้หารือเรื่องต่างๆ ต่อไปโดย ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย หารือว่า
เนื่องในวันนักข่าว 5 มี.ค.จึงขอฝากไปยัง นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เป็นผู้ดูแลการปฏิรูปสื่อว่าในอดีตที่ผ่านมาคำว่า ปฏิรูปสื่อ ถูกใช้สมัยปฏิวัติ โดยคมช. ยึดไอทีวีแปลงโฉมมาเป็นทีวีไทย มีการนำภาษีประชาชนไปสนับสนุนปีละ 2,000 ล้าน แล้วเอาพรรคพวกเข้ามาบริหาร ผู้บริหารกินเงินเดือน เดือนละ 3-4 แสน มากกว่านายกฯ เสียอีก และยังบรรจุเจ้าหน้าที่ต่างๆ มาจากเครือเนชั่น เอเอสทีวี สถานการณ์ปัจจุบัน กำลังจะไปยึดสถานีโทรทัศนเอ็นบีที โดยใช้คำว่าปฏิรูปสื่อ ตนจึงเกรงว่า จะเป็นแบบเดิม คือ มีการเอาพวกพ้องของตัวเองเข้าไป เป็นการ ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง เพราะเคยต่อว่ารัฐบาลที่แล้วเอาไว้ แบบนี้