ที่ศาลอาญา วันที่ 2 ก.พ. ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องในคดีที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายวีระ มุสิกพงศ์, นายจตุพร พรหมพันธุ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคเพื่อไทย และนายก่อแก้ว พิกุลทอง ในฐานะผู้ดำเนินรายการ “ความจริงวันนี้”
ทางสถานีโทรทัศน์วิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT, บริษัท เพื่อนพ้องน้องพี่ จำกัด, นายสุรยงค์ หุณฑสาร ผอ.สถานีโทรทัศน์ NBT, นายเผชิญ ขำโพธิ์ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และ กรมประชาสัมพันธ์ ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1 - 7 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จากกรณี เมื่อวันที่ 28 ต.ค. 51 โดยจำเลยที่ 1-3 ร่วมกันหมิ่นประมาทโจทก์ เนื่องจากโจทก์ได้พูดเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับการทุจริตคอรัปชั่น การซื้อเสียง การแสวงหาผลประโยชน์ จำเลยที่ 1 - 3 พูดเชื่อมโยงประเด็นต่างๆ ว่าโจทก์ล้มละลาย เป็นคนไม่ดี เป็นการใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สาม ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง นัดนี้เสมียนทนายได้ แถลงศาลว่า พนักงานอัยการที่รับว่าความให้กรมประชาสัมพันธ์ จำเลยที่ 7 ติดภารกิจไม่สามารถร่วมถามค้านพยานโจทก์ได้ จึงขอเลื่อนนัดออกไป ศาลสอบถามโจทก์ไม่คัดค้าน จึงเลื่อนนัดไต่สวนออกไปเป็นวันที่ 14 ก.ค. 2552 เวลา 09.00 น.
เลื่อนไต่สวน “สนธิ” ฟ้องหมิ่นสามเกลอเป็น 14 ก.ค.
ขณะที่ ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เมื่อเวลา 13.00 น.นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความ ตัวแทนกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถูกออกหมายเรียกจากเหตุปิดล้อมอาคารรัฐสภา
เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 จำนวน 21 ประกอบด้วยนายสนธิ ลิ้มทองกุล 1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรฯ และผู้ก่อตั้งนสพ.ผู้จัดการ และสถานีโทรทัศน์ ASTV นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ 1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรฯ และส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ นายสำราญ รอดเพชร แกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2และอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นายสาวิต แก้วหวาน แกนนำพันธมิตรฯรุ่น 2 และเลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายต่อต้านคอรัปชั่น นายกิตติชัย ใสสะอาด หัวหน้าการ์ดพันธมิตรฯและรองประธานสหภาพแรงงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค นายสุชาติ ศรีสังข์ อดีต ส.ส.มหาสารคาม นายพิภพ ธงไชย 1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรฯและประธานที่ปรึกษาคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) นายสมศักดิ์ โกศัยสุข 1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรฯ และอดีตประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย นายอมร อมรรัตนานนท์ อดีตเลขาธิการเครือข่ายคนเดือนตุลา นายศิริชัย ไม้งาม แกนนำพันธมิตรฯรุ่น 2 และประธานสหภาพแรงงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
นายพิชิต ชัยมงคล หัวหน้าการ์ดพันธมิตรฯและอดีตเลขาธิการสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) นายอำนาจ พละมี คณะกรรมการฝ่ายการเมืองสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.)
นายประยุทธ วีระกิตติประธานที่ปรึกษาเครือข่ายองค์กรประชาชนแห่งประเทศไทย (สคปท.) นายสมบูรณ์ ทองบุราน อดีต ส.ว.ยโสธร นายประพันธ์ คูณมี ที่ปรึกษารมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและผู้ดำเนินรายการ าสภาท่าพระอาทิตย์สถานีโทรทัศน์ ASTV นายพิเชษฐ พัฒนโชติ ที่ปรึกษารัฐมนตรี และอดีตส.ว.นครราชสีมาและอดีตรองประธานวุฒิสภา ทพ.ศุภผล เอี่ยมเมธาวี เลขาธิการสมัชชาประชาชนภาคอีสาน และอดีตผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครราชสีมา ากลุ่มมดเมืองำ พรรคประชาธิปัตย์ นางมาลีรัตน์ แก้วก่า อดีต ส.ว.สกลนคร น.ส.อัญชลี ไพรีรักษ์ ผู้ดำเนินรายการบนเวทีพันธมิตรฯ และอดีตผู้สมัครส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อแผ่นดิน เข้าพบพล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. เพื่อติดต่อขอเลื่อนการเข้ารายงานตัวของแกนนำ 21 คน ตามหมายเรียกจากนั้น
นายนิติธร กล่าวว่า หลังทราบจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า มีการออกหมายเรียกผู้ต้องหาทั้ง 21 ราย และมีรายละเอียดให้ผู้ต้องหาทั้งหมดเข้าพบตั้งแต่วันที่ 2 -5 มี.ค.
ขณะนี้ผู้ต้องหาส่วนมากยังไม่ได้รับหมายเรียก แต่ก็มีความประสงค์จะพบพนักงานสอบสวน และพร้อมจะต่อสู้คดีตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวน ขอเลื่อนการเข้าพบพนักงานสอบสวนจากวันดังกล่าวเป็น วันที่ 30 มี.ค. เวลา 09.00 น. โดยทั้งหมดจะเข้าพบพนักงานสอบสวนพร้อมกัน ซึ่งส่วนนี้ต้องดูว่าพนักงานสอบสวนจะพิจารณาตามคำร้องหรือไม่ ผู้ต้องหาก็มีสิทธิ์ขอเลื่อนหากติดธุระ การออกหมายเรียกนั้นก็ออกมาในระยะกระชั้นชิดมาก ไม่สามารถเตรียมตัวทัน ดูจากระยะเวลาแล้วไม่นานเกิน อีกทั้งผู้ต้องหาทั้งหมดจะเดินทางเข้าพบในวันเดียวจึงเชื่อว่าจะสามารถดำเนินการได้เรียบร้อยให้เสร็จสิ้นในวันเดียวผู้สื่อข่าวถามว่าการเสนอให้เปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวน มีพล.ต.ท.ภาณุพงษ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.ภ.4 และ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.
นายนิติธร กล่าวว่า ผู้ต้องหาจะมีการปรึกษากันเนื่องจาก โดยหลักแล้วหากพนักงานสอบสวนมีส่วนได้เสียในคดีก็อาจจะทำให้เกิดอคติ ฉะนั้นตามหลักกฎหมายทั่วไปสามารถทำได้เพราะเป็นสิทธิของผู้ต้องหา เนื่องจากขณะนี้เป็นเพียงความเห็นของผู้ต้องหาบางท่านเท่านั้น แต่ส่วนที่หารือกับฝ่ายกฎหมายยังไม่ได้ดำเนินการ คงจะต้องหารือเพื่อความชัดเจนอีกครั้ง