วานนี้ ( 1 มี.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และพรรคเพื่อไทย
ระบุว่ารัฐบาลตื่นเต้นเกินเหตุกับการที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะกล่าวปาฐกถาพิเศษที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศในฮ่องกงจนต้องเร่งรัดประสานขอนำตัวกลับมาดำเนินคดี ว่าขอยืนยันว่ารัฐบาลนี้ไม่ได้กลั่นแกล้งหรือจะไปสร้างสถานการณ์ขึ้นมาเพื่อกลบเกลื่อนข่าวจะถูกยื่นอภิปรายใดๆทั้งสิ้น แต่สิ่งที่รัฐบาลทำไปตามหน้าที่ เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณซึ่งเป็นผู้ต้องหาหลบหนีคดีได้ประกาศให้รู้ไปทั่วว่าจะไปปรากฏตัวอยู่ที่นั่นที่นี่ชัดเจน หากรัฐบาลหรือเจ้าหน้าที่เพิกเฉยไม่ทำอะไรก็จะถูกกล่าวหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เมื่อสถานกงสุลทราบเรื่องก็ต้องแจ้งประสานมายังกระทรวงการต่างประเทศแล้วกระทรวงการต่างประเทศจึงประสานไปยังอัยการตามขั้นตอนของกฎหมาย เป็นการปฏิบัติหน้าตามปกติเท่านั้น ไม่ได้ผิดปกติ
“แต่ปัญหาคือ พ.ต.ท.ทักษิณเองไม่เลิก ทั้งที่ตัวเองเป็นผู้ต้องหาหลบหนีคดี แต่กลับยังไปแสดงตัวที่จะไปกระทำการท้าทายอำนาจรัฐ ดังนั้นคนที่ถืออำนาจรัฐก็จำเป็นต้องปฏิบัติหน้าที่ไปตามกฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณควรพิจารณาตัวเองได้แล้วว่า ตัวเองได้ทำอะไรที่จะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม หรือได้ทำอะไรที่แสดงออกให้เห็นว่าเคารพยอมรับในระบบศาลไทย และเคารพต่อความรู้สึกของพี่น้องประชาชนคนไทย การที่ พ.ต.ท.ทักษิณอ้างว่า ยกเลิกการไปปาฐกถาที่ฮ่องกง เพราะไม่อยากให้กระทบความสัมพันธ์แบบทวิภาคีกับฮ่องกงและจีนนั้น ถ้าจริงใจจริงๆ ทางที่ดีที่สุด พ.ต.ท.ทักษิณต้องกลับมารับโทษ ส่วนคดีที่เหลือก็ต่อสู้คดีกันไป หรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณก็ควรกลับไปอยู่ในประเทศที่บอกว่ายินดีต้อนรับ พ.ต.ท.ทักษิณอย่างนิการากัว อย่าเที่ยวไปเคลื่อนไหวในประเทศอื่นๆ เพราะการไปขอความคุ้มครองจากประเทศใด เขาจะต้องไม่ไปสร้างความวุ่นวายไปเคลื่อนไหวจนอาจก่อปัญหาให้แก่ประเทศนั้นๆ” นายสุเทพกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าทางกงสุลไทยในฮ่องกงและทางอัยการได้รายงานความคืบหน้าในการติดตามตัว พ.ต.ท. ทักษิณมาดำเนินคดีบ้างหรือไม่ นายสุเทพตอบว่า เราไม่ได้ไปติดใจว่าต้องไปคาดคั้นกันทุกวินาที
แต่ปล่อยให้ เจ้าหน้าที่ทำไปตามหน้าที่เท่านั้น และตนไม่ได้ติดตามรายละเอียดว่า พ.ต.ท.ทักษิณยอมถอยยกเลิกปาฐกถาที่ฮ่องกงเพราะเหตุใดกันแน่ ตอนนี้รัฐบาลกำลังทุ่มเทและมุ่งมั่นกับการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน จริงๆเรื่องนี้เป็นแค่เรื่องของผู้ร้ายที่หนีคดีคนเดียว แต่อาเซียนเป็นผลประโยชน์ของอาเซียนโดยรวม เป็นประโยชน์ของคนทั้งชาติ รัฐบาลจะไม่ยอมให้เรื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณมาส่งผลกระทบ ทั้งนี้ในระหว่างการประชุมได้พบปะกับนายกรัฐมนตรีของกัมพูชาหลายครั้ง เราไม่ได้พูดขอความร่วมมือการส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณที่มักไปปรากฏตัวที่เกาะกงบ่อยๆ เพราะไม่ค่อยเชื่อในกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีความใกล้ชิดสนิทสนมและมีผลประโยชน์ทางธุรกิจร่วมกับนายกฯของกัมพูชาจะเป็นจริง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางแกนนำกลุ่ม นปช.และคนเสื้อแดงประกาศอีก 3 สัปดาห์จะไประดมประชาชนกลับมายกระดับชุมนุมขับไล่รัฐบาล นายสุเทพตอบว่า ไม่เป็นปัญหา จะกลับมาชุมนุมอะไรก็ตามถ้าไม่เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายเราก็ปล่อยไป
แต่หากผิดกฎหมายเราก็ไม่ยอม และหลังเสร็จสิ้นการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนพวกตนก็จะทุ่มเทแก้ปัญหาของประเทศชาติ ในฐานะรองนายกฯฝ่ายความมั่นคงจะไปเน้นการแก้ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ ปัญหายาเสพติด ต้องไปดูแลให้ประชาชนทุกตำบลทุกหมู่บ้านเข้าใจสถานการณ์ที่แท้จริงของประเทศ และช่วยกันรณรงค์สร้างความรักความสามัคคีและเทิดทูนสถาบันให้เกิดขึ้นในชาติ ส่วนเกมในสภาฯที่ฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ 9 รัฐมนตรี ไม่มีปัญหา เชื่อว่ารัฐมนตรีทุกคนตอบชี้แจงได้ และไม่เชื่อว่าจะมีใครเป็นอย่างที่ฝ่ายค้านกล่าวหา แม้จะอภิปรายเรื่องกิ๊กของรัฐมนตรีเรื่องส่วนตัว ฝ่ายค้าน
“สถานการณ์การเมืองต่อจากนี้ผมไม่คิดว่าจะมีอะไรรุนแรงหรือน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะจากที่ได้เห็น นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ บนเวทีระหว่างประเทศในฐานะประธานอาเซียน ได้เห็นนายกฯนั่งเจรจาความเมืองกับผู้นำทั้งหลาย มั่นใจว่านายกฯจะสามารถนำรัฐบาลนี้ แก้ไขปัญหาให้แก่พี่น้องประชาชนได้แน่ รัฐบาลจะเดินหน้า อยู่ต่อไปได้ ไม่ใช่แค่ 3 เดือน 6 เดือนเหมือนอย่างที่บางฝ่ายวิเคราะห์วิจารณ์กัน” นายสุเทพกล่าว