แนวหน้า
พล.ท.สพรั่ง กัลยาณมิตร, พล.ท.อนุพงษ์ เผ่าจินดาฉะ "ไอ้โม่ง"ปูดซ่องสุมปฏิวัติ แม่ทัพ3เปิดศึกรุ่น10
ร่อนแถลงการณ์ซัดทหารเลวบางคนสอพลอทักษิณ
แฉชอบคาบข่าวมั่วไปบอกคนมีอำนาจเพื่อหวังเก้าอี้
มทภ.1ยันย้าย129ผบ.กองพันหมุนเวียนตามฤดูกาล
พฤณท์ย้ำตท.10ไม่แตกแยก-แม้วยังนิ่งเชื่อไม่มีอะไร
เมื่อบ่ายวันที่ 20 กรกฎาคม พล.ท.สพรั่ง กัลยาณมิตร แม่ทัพภาคที่ 3 ประกาศต่อหน้านายทหารและครอบครัวที่ ค่ายสมเด็จพระนเรศวร จ.พิษณุโลก ว่า กรณีที่มีข่าวว่ากองทัพภาคที่ 3 ซ่องสุมกำลังเพื่อก่อปฏิวัติออกมาตามสื่อมวลชนแขนงต่างๆ นั้น ตนรู้ว่ามาจากไหน เป็นเพราะมีทหารเลว 2-3 คน พยายามสร้างข่าวเอาไปเชลียร์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี เพื่อหวังยศ-ตำแหน่ง โดยไม่คำนึงถึงกองทัพ เป็นการสร้างความแตกแยกในกองทัพเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง
"เรื่องนี้ผมจะขอเคลียร์ในระดับกองทัพภาคที่ 3" พล.ท.สพั่ง กล่าว และว่า ต้องการกระจายข่าวผ่านแม่บ้านทหารของกองทัพภาค 3 ทุกคน ให้กระจายข่าวที่ถูกต้อง ไม่ต้องไปดูละครแดจังกึมกันแล้ว เพราะปีนี้เป็นปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครองราชย์ครบ 60 ปี แต่กลับเป็นปีที่บ้านเมืองวุ่นวาย เพราะมีคนเลวที่ใส่เสื้อเหลืองมาชกกับคนที่ใส่เสื้อเหลือง
พล.ท.สพรั่ง ยังได้ออกแถลงการณ์ มีเนื้อหาระบุว่า ตามที่หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 21 ก.ค.49 ลงข้อความจากการให้ข่าวของผู้ที่อ้างว่าเป็นแกนนำเตรียมทหารรุ่น 10(ตท.10รุ่นเดียวกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ) และเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของแม่ทัพภาคที่ 3 นั้น หลังจากที่ทราบข่าว แม่ทัพภาคที่ 3 ได้แจ้งต่อผู้ใต้บังคับบัญชาว่า ผู้ใต้บังคับบัญชาในกองทัพภาคที่ 3 ที่เป็น ตท.10 เกือบทุกคนเป็นคนดีและปฏิบัติงานเข้มแข็ง และแม่ทัพภาคที่ 3 ได้สนับสนุนให้มีตำแหน่งสูงขึ้นทุกครั้งที่มีคำสั่งย้าย ยกเว้นผู้ที่เป็นคนเลว ซึ่งคนเลวในสายตาของแม่ทัพภาคที่ 3 คือ คนที่เอาเรื่องส่วนตัวไปพัวพันกับผลประโยชน์ของชาติ , ให้ร้ายผู้บังคับบัญชาลับหลัง คิดว่าคนอื่นจะมีจิตใจเลวเหมือนที่ตนคิด , มักใหญ่ใฝ่สูง ทำได้ทุกอย่างด้วยการใส่ร้ายผู้อื่นเอาดีใส่ตัว เจริญก้าวหน้าด้วยการเหยียบไหล่ผู้อื่น , เอาความลับของราชการมาเปิดเผย ผิดทั้งจรรยาบรรณและกฎหมาย ทั้งที่ทหารได้ปฏิญาณตนต่อธงไชยเฉลิมพลในข้อความสุดท้ายที่ว่า "ข้าฯจะไม่แพร่งพรายความลับของทางราชการเป็นอันขาด"
พร้อมกันนี้ ยังชี้แจงว่า การที่ทหารกองทัพภาคที่ 3 ฝึกความพร้อมรบนั้น เป็นเจตนาของแม่ทัพภาคที่ 3 ตั้งแต่วันรับตำแหน่ง เพื่อให้พร้อมเผชิญกับภัยคุกคามทุกรูปแบบที่จะเกิดขึ้น ซึ่งเป็นหน้าที่ของทหารอาชีพ มิใช่ทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ โดยการดำเนินงานดังกล่าวมิได้ทำโดยพลการ มีผู้บัญชาการทหารบกที่เป็นผู้บังคับบัญชา
แถลงการณ์ของแม่ทัพภาคที่ 3 ยังระบุอีกว่า การให้ข่าวของ "ทหารเลว" คนนี้ มักจะนำข่าวที่บิดเบือนไปบอกผู้มีอำนาจทางการเมืองให้เข้าใจผิด เพื่อทำลายผู้อื่น ตัวเองได้รับความดีความชอบ ลาภยศ และตำแหน่ง การกระทำดังกล่าว พล.อ.พรชัย กรานเลิศ ผช.ผบ.ทบ. , พล.ท.ปรีชา วรรณรัตน์ รองเลขานายกฯ ทราบดี การที่ทหารผู้นี้มาให้ข่าวบิดเบือนการทำงานของแม่ทัพภาคที่ 3 ก็เพื่อประสบสอพลอนายกรัฐมนตรี โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายของกองทัพและประเทศชาติ หวังเพียงตนเองจะได้ตำแหน่งสูงสุดของกองทัพภาคที่ 3 อย่างเดียว
วันเดียวกัน กองทัพบกออกเอกสารชี้แจง ยืนยันการแต่งตั้งนายทหารระดับผู้บังคับกองพัน เป็นไปตามวงรอบการบริหารงาน วอนสื่อมวลชนวิพากษ์วิจารณ์บนพื้นฐานความจริง ถ้า หากมีข้อสงสัยในการบริหารงานของกองทัพบก สอบถามข้อมูลที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับนายที่ถูกโยกย้าย 129 ตำแหน่งระดับผู้บังคับกองพันกุมกำลังหลักในกทม.อาทิ พ.ท.โฆษิต ชินวลัญช์ ผบ.ม.พัน4รอ.(ตท23)ไปเป็นสธ.จทบ.สระบุรี นอกจากนี้ยังมีเด็กในสังกัด พล.ต.พฤณฑ์ สุวรรณทัต ผบ.พล.ร.1(ตท.10) เพื่อรักและร่วมรุนของ พ.ต.ท.ทักษิณ นายกรัฐมนตรี ที่กุมกำลังทหารราบในกทม.ถูกย้ายออกนอกพื้นที่มากมาย อาทิ พ.ท.เวชศักดิ์ ขันธ์อุบล ผบ.ร.1พัน1รอ.(ตท.25)เป็นหัวหน้าฝ่ายข่าวมทบ.13ลพบุรี พ.ท.อานุภาพ ศิริมณฑล ผบ.ร.1พัน3รอ.(ตท.26)ถูกส่งไปช่วยราชการใช้แดนใต้ พ.ท.วิรัฎฐ์ วงษ์จันทร์ ผบ.ร11 พัน2รอ.(ตท.23)เป็นนายทหารจเร ทภ.1
การโยกย้ายนอกฤดูการครั้งนี้ พล.อ.สนธิ บุญรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก ได้มอบอำนาจให้ พล.ท.อนุพงษ์ เผ่าจินดา แม่ทัพภาคที่ 1 พิจารณาร่วมกับ พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ รองผบ.ทบ.เน้นให้นายทหารที่เข้ามากุมกำลัง ต้องเป็นนายทหารที่มีความรู้ ความสามารถโปร่งใส ปราศจากเด็กนักการเมือง และผู้บังคับบัญชาสามารถควบคุมได้
ด้าน พล.ท.อนุพงษ์ เผ่าจินดา แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวถึงการปรับย้ายนายทหารระดับผู้บังคับกองพันในพื้นที่กรุงเทพฯว่า ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน และระเบียบของกองทัพบก โดยผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการของกองทัพบกทุกประการ ซึ่งทุกอย่างจบไปแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ซึ่งตนยึดหลักการพิจารณาด้วยความยุติธรรมสามารถตรวจสอบได้ ซึ่งผู้บังคับหน่วยทุกคนที่ถูกปรับย้ายมีคุณสมบัติครบตามหลักเกณฑ์ และอยู่ในตำแหน่งมาอย่างน้อย 2 ปีแล้ว สมควรที่จะได้รับการหมุนเวียน
เมื่อถามว่า มีการปรับย้ายคนใกล้ชิดของ พล.ต.พฤณท์ สุวรรณทัต ผบ.พล. 1 รอ. ออกจากตำแหน่ง พล.ท.อนุพงษ์ กล่าวว่า พูดเช่นนี้ไม่ได้ เพราะทหารไม่มีคำว่าเด็กใครใกล้ชิดใคร ทุกคนเป็นทหารของกองทัพ ทหารของชาติ และเป็นทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังนั้น
หากจะพูดว่าเด็กใครเป็นเด็กใครนั่นไม่ถูกต้อง "ผมเป็นทหารที่ไม่มีนอกมีใน ผ่านการเป็นผู้บังคับบัญชาในตำแหน่งหลักมามากมาย สามารถไปตรวจสอบประวัติรับราชการได้ และทุกคนในกองทัพรู้ว่าผมเป็นอย่างไร ผมเป็นทหารที่มีจุดยืนมีความเป็นทหารผมเคยเป็นผู้บังคับบัญชาในกองพลที่ 1 รักษาพระองค์มาก่อน ย่อมรู้ดีว่าใครเป็นใคร และผู้บังคับกองพันทุกคนที่ปรับย้ายก็ได้ตำแหน่งที่ดีขึ้นทุกคน เขาแทบจะมากราบขอบคุณด้วยซ้ำ"แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าว
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการโยกย้ายทหารในครั้งนี้ว่าถ้าระดับล่างเป็นเรื่องภายในที่จะทำของเขาอยู่ อันนี้ตนไม่ทราบ ต้องไปถาม ผบ.ทบ.
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการย้ายนายทหารขุมกำลัง ซึ่งมีความใกล้ชิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกนอกพื้นที่ กทม. พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวย้ำว่าเป็นเรื่องของพล.อ.สนธิ บุญรัตกลิน ผบ.ทบ.เป็นเรื่องภายในของกองทัพ รัฐบาลจะทราบเฉพาะระดับนายพล เพราะต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เมื่อถามอีกว่ามองว่าเป็นเรื่องผิดปกติหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวนิ่งๆ ว่าไม่มีอะไร ผมไม่ทราบลายละเอียดแต่ก็ยังเชื่อว่าไม่มีอะไร
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ทราบข่าวความขัดแย้งระหว่างนายทหารรุ่น 10 ที่แตกกันเองบ้างหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ไม่มีหรอก ไม่เกี่ยวกัน ทหารมีความสามัคคี
ผู้สื่อข่าวพยายามถามถึงวกระแสข่าวการซ่องสุมกำลังเพื่อก่อการปฏิวัติของทหารบางกลุ่ม พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า โอ๊ย....พวกคุณอย่างนี้ไม่ค่อยสร้างสรรค์ ไม่มีอะไรหรอก จากนั้นพ.ต.ท.ทักษิณ เดินขึ้นรถทันที
พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา รักษาการรมว.มหาดไทย กล่าวว่า กองทัพยังมีความเหนียวแน่น การโยกย้าย ทหารไม่เกี่ยวกับการเมือง
ด้านพล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวที่จะมีการปฏิวัติว่า "การปฏิวัติผิดกฎหมาย อย่ามาพูดเล่น ใครจะปฏิวัติบอกผมหน่อย ผมจะได้เอาตำรวจไปจับ พูดกันเป็นเล่นไปหมด ผิดกฎหมายนะ ผู้สื่อข่าวก็เขียนข่าวกันมันในอารมณ์ "
เมื่อถามว่า ได้สอบถามไปยังแม่ทัพภาคที่3 หรือไม่ว่าข้อเท็จจริงจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร พล.อ.ธรรมรักษ์กล่าวว่า เขาไปบรรยายซึ่งเป็นความคิดเห็นในเชิงวิชาการของ พล.ท.สพรั่ง กัลยาณมิตร แม่ทัพภาคที่ 3 เพียงแต่ว่า บางที่ในสถานการณ์อย่างนี้ บางคำควรจะพูดหรือไม่ พล.ท.มะ โพธ์งาม อดีต ส.ส.กาญจนบุรี พรรคไทยรักไทย เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหารรุ่น 10 กับพ.ต.ท.ทักษิณ อีกคนหนึ่ง ยืนยันว่ารุ่นตท.10 ยังเป็นเพื่อนสามัครีกันเหมือนเดิม การโยกย้ายหนนี้คงไม่เกี่ยวกับการป้องกันการปฎิวัติ
พล.ต.พฤณท์ สุวรรณทัต ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.1.รอ.) ออกมาปฎิเสธข่าวความขัดแย้งกับ พล.ท.อนุพงษ์ เผ่าจินดา แม่ทัพภาคที่ 1 เกี่ยวกับการโยกย้ายทหาร และยอมรับว่าการโยกย้ายหนนี้ทางแม่ทัพภาคที่ 1ไม่ได้ปรึกษากับตน แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ตท.10 ไม่มีความแตกแยก
เมื่อถามว่า การปรับย้ายครั้งนี้ไม่มีการพูดคุยกันถือว่าเป็นการข้ามหัวกันหรือไม่ พล.ต.พฤณท์ กล่าวว่า ไม่มีการข้ามหัวอะไรทั้งนั้น
เมื่อถามว่า เพื่อน ตท.10 มีการพูดคุยถึงท่าทีของ พล.ท.อนุพงษ์ หรือไม่ เพราะที่ผ่านมา พล.ท.อนุพงษ์ ไม่เคยพูดคุยกับเพื่อนคนอื่น ๆ พล.ต.พฤณท์ กล่าวว่า ไม่มีอะไรเป็นเรื่องปกติของ พล.ท.อนุพงษ์ เพราะเป็นคนเงียบๆ เป็นนิสัยของ พล.ท.อนุพงษ์ อยู่แล้ว แต่เวลาไปงานก็มีการพูดคุยกันตามปกติไม่มีปัญหาอย่างที่มีการลงข่าวกัน ทั้งนี้ยืนยันว่าว่าไม่มีการบอยคอตจากเพื่อนร่วมรุ่น ตท.10 อย่างแน่นอน เราก็เป็นเพื่อนกันมานานใครจะไปทำอะไรอย่างนั้น ถ้ามีเรื่องเราก็คุยปรึกษากันก็ไม่มีปัญหา
ด้านนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตย แสดงความเห็นว่า ขณะนี้กองทัพมีความแตกแยก เนื่องจากความสัมพันธ์ที่ไม่ลงตัวระหว่างกรเมืองกับกองทัพ และเชื่อว่าหาก พ.ต.ท.ทักษิณ ยังอยู่ในตำแหน่งโอกาสปฎิวัติยังมีสูง