นายกฯแย้มตัวเลข ศก.ไตรมาสแรก ต้องทำใจ ปัญหาวิกฤตโลกรุมเร้า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอาจติดลบรุนแรง เท่ากับหรือมากกว่าไตรมาสสุดท้ายปี 2551 ที่ติดลบ 4.3% แต่ยังมั่นใจนโยบายกระตุ้น ศก.จะช่วยได้ ย้ำใช้แผนสำรองกู้เงินจากต่างประเทศอัดฉีดเพิ่มเติม "เพื่อไทย" ได้ทีขย่ม แก้ปัญหาไม่ตรงจุด 2 ขุนพลหลักไร้ประสบการณ์ หยัน "กรณ์" ขนาดเล่นหุ้นยังเจ๊งกว่า 100 ล้าน
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) แถลงเมื่อวันที่ 1 มีนาคม ถึงการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่สำนักงานพรรค อาคาร บีบีดี บิวดิ้ง ถนนพระรามสี่ ว่า ประเทศไทยมีรายได้หลักจากการส่งออกและการท่องเที่ยว แต่ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจหดตัวทั่วโลก ส่งผลให้วันนี้การส่งออกย่ำแย่ การท่องเที่ยววิกฤตหนักจากการปิดสนามบินของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2552 จะลดลงเกินครึ่งหนึ่งจากยอดนักท่องเที่ยว 13-14 ล้านคน จะเหลือเพียง 6-7 ล้านคน เห็นได้ชัดจากที่สายการบินต่างๆ ปรับลดเที่ยวบินมายังไทย ส่งผลกระทบให้มีคนตกงานเกือบ 1 ล้านคน และคาดว่าจะกระทบต่อรายได้สูงถึง 10 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี ท่ามกลางสภาวะความรุนแรงของวิกฤตเศรษฐกิจรัฐบาล ซึ่งนำโดยพรรคประชาธิปัตย์กลับดำเนินนโยบายแก้ไขไม่ตรงจุด เพราะนายอภิสิทธิ์ และนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยังไม่มีประสบการณ์บริหารธุรกิจขนาดใหญ่ให้ประสบความสำเร็จและไม่เคยแก้ปัญหาสำคัญด้านเศรษฐกิจให้สำเร็จมาก่อน แม้แต่นายกรณ์เล่นหุ้นล่าสุดยังเจ๊งไป 100 กว่าล้านบาท
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ดำเนินนโยบายผิดวิธีด้วยการลอกเลียน แบบนโยบายประชานิยมซึ่งสวนทางกับภาวะเศรษฐกิจ วันนี้กล้าพูดว่าพรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมรัฐบาลกลัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่นำนโยบายเศรษฐกิจมาใช้ แต่พรรคประชาธิปัตย์ใช้นโยบายการเมืองนำเศรษฐกิจเพราะกลัวแม้แต่เงาของ พ.ต.ท.ทักษิณ แม้ว่าจะมีนักวิชาการด้านเศรษฐกิจเจ้าของ รางวัลโนเบลมาเป็นที่ปรึกษาทีมเศรษฐกิจรัฐบาล แต่ถามว่าคนที่จะต้องลงปฏิบัติแก้ไขปัญหาจริง มีกี่คน ทั้งนี้ ขอตั้งคำถามกับนายอภิสิทธิ์ว่าจะแก้ไขปัญหาคนตกงาน การส่งออกทรุดตัว การท่องเที่ยวแย่เพราะต่างชาติขาดความเชื่อมั่น ธนาคารไม่ปล่อยสินเชื่อเพราะกลัวหนี้เสีย การจัดสรรเงินช่วยเหลือ 2,000 บาท ไม่ทั่วถึง ปัญหาภัยแล้งที่รุนแรงใน 30 จังหวัด และปัญหาอาชญากรรมที่จะตามมาจากวิกฤตเศรษฐกิจได้อย่างไร
วันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์" ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ว่า รอบสัปดาห์ที่ผ่านมาตัวเลขการส่งออกของหลายประเทศที่ออกมาน่าตกใจกว่าของไทย เช่น ญี่ปุ่นลดลงถึงร้อยละ 45 และประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคลดลงถึงร้อยละ 30-40 ขณะตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือนมกราคมลดลงร้อยละ 27 ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่าภาวะวิกฤตโลกทำให้การค้าระหว่างประเทศ หรือการค้าในโลกหายไปประมาณร้อยละ 30-40 ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อทุกประเทศ การฟันฝ่าวิกฤตครั้งนี้ต้องผนึกกำลังกัน โดยรัฐบาลจะทุ่มเทแก้ไขปัญหาอย่างเต็มความสามารถ
นายกฯกล่าวว่า รัฐบาลได้ประเมินสถาน การณ์ทางเศรษฐกิจร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังตัวเลขการส่งออกและการค้าระหว่างประเทศหดตัวอย่างรุนแรง โดยเชื่อว่าตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ในไตรมาสแรกของปี 2552 คงจะติดลบ และอาจจะติดลบรุนแรง เท่ากับหรืออาจจะมากกว่าไตรมาสสุดท้ายของปี 2551 ที่ติดลบไปถึงร้อยละ 4.3 อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลได้เริ่มดำเนินการ ผ่านโครงการชุมชนเศรษฐกิจพอเพียง การแจกเบี้ยยังชีพให้ผู้สูงอายุและอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) การแจกเงินช่วยเหลือค่าครองชีพ 2,000 บาท ให้แก่ผู้มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาท จะนำไปสู่การใช้จ่ายและการหมุนเวียนต่างๆ และทำให้การหดตัวของเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2 ของปีน่าจะลดลง จากนั้นต้องประเมินดูอีกทีว่าในไตรมาสที่ 3 จะสามารถทำให้เศรษฐกิจกลับมายืนอยู่ในภาวะที่เรียกว่าไม่เติบโต ไม่หดตัวได้หรือไม่ และตั้งความหวังไว้ว่าในไตรมาสที่ 4 จะสามารถทำให้เศรษฐกิจมาขยายตัวในแดนบวกได้อีก
"เมื่อประเมินตัวเลขต่างๆ ทั้งในแง่ของผลกระทบจากการส่งออก การท่องเที่ยว และงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจที่มี ไปจนถึงการ เตรียมการใช้จ่ายงบประมาณในปีงบประมาณ 2553 ยังคงไม่พอ ดังนั้น ที่ผมเคยพูดไว้ว่ารัฐบาลได้เตรียมแผนสำรองเอาไว้คือการกู้เงินจากต่างประเทศ เพื่อเข้ามาลงทุนในโครงการ พื้นฐาน ซึ่งเป็นโครงการในลักษณะที่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็น่าจะมีความจำเป็นชัดเจนแล้วในขณะนี้ ขั้นตอนต่อไปคือว่ากระทรวงการคลัง ซึ่งได้รับความเห็นชอบในหลักการให้ไปจัดทำกรอบการเจรจา ต้องเร่งนำกรอบเจรจาเงิน กู้นี้เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าถ้ารัฐสภาให้ความเห็นชอบ และนำไปสู่การเจรจา เราจะมีเงินอีกก้อนหนึ่งพร้อมนำมาใช้จ่ายตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 เป็นต้นไป ตรงนี้คิดว่าจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่รัฐบาลกำลังจะบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และลดความเสียหายที่เกิดขึ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก" นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ส่วนที่ประชาชนบางส่วนแสดงความเป็นห่วงว่าการกู้เงินเพิ่มเติมจากต่างประเทศจะเป็นการสร้างภาระหรือไม่นั้น ขอชี้แจงว่าการทำตัวเลขกู้เงิน หรือการตัดสินใจใช้จ่ายเงินของรัฐบาลทุกครั้ง มั่นใจว่าไม่หลุดจากกรอบของวินัยทางการเงินและการคลัง เพราะทั้งกฎหมายและมาตรฐานสากลมีอยู่แล้วว่าจะสามารถใช้จ่ายเงิน หรือกู้ยืมเงินได้มากน้อยแค่ไหนเพียงไร ซึ่งรัฐบาลจะรักษาวินัยและกรอบตรงนั้นอย่างเคร่งครัด จึงขอให้ประชาชนสบายใจ
นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกับภาคเอกชน โดยเฉพาะการจับมือกันจัดงานกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งนโยบายของรัฐบาลชัดเจนว่าสนับสนุนให้ส่วนราชการเดินทางไปประชุมและสัมมนาในประเทศมากขึ้น รวมถึงมีการเพิ่มวันหยุดในเกือบทุกเดือนเพื่อให้ประชาชนและครอบครัวสามารถเดินทางไปเที่ยวในประเทศมากขึ้น มีโอกาสไปร่วมงานแสดงอัญมณี ซึ่งพบว่าชาวต่างประเทศให้ความสนใจมาชมงานแสดงสินค้ามาก โดยงานในลักษณะนี้จะต้องทำให้มากขึ้นในเดือนมีนาคมเพราะเป็นจังหวะที่รัฐบาลจ่ายเงินช่วยเหลือค่าครองชีพ 2,000 บาท ไปให้ประชาชน
"ในการแสดงสินค้าต่างๆ ซึ่งอาจจะรวมถึง โอท็อป หรือเรื่องอื่นๆ ด้วย เราจะเปิดโอกาสให้เอกชนซึ่งสนใจอยู่แล้วรับเช็คเหล่านี้ และมีส่วนลดให้กับประชาชนเพิ่มเติม ดังนั้น เงิน 2,000 บาท อาจกลายเป็น 2,200-2,500 บาท เอกชนบางรายถึงขั้นบอกว่าอาจจะมีส่วน ลดให้ถึงร้อยละ 50 ด้วยซ้ำ ดังนั้น จะเป็นเงิน ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นไปอีก และเป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาวะเช่นนี้ ทั้งนี้ ในส่วนของครูเอกชนก็มีสิทธิได้รับเงิน 2,000 บาทด้วย" นายกฯกล่าว
เพื่อไทยอัดรบ.แก้ปัญหาศก.ไม่ตรงจุด หยันกรณ์เล่นหุ้นยังเจ๊ง นายกฯรับอัตราการขยายตัวอาจติดลบ
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง เพื่อไทยอัดรบ.แก้ปัญหาศก.ไม่ตรงจุด หยันกรณ์เล่นหุ้นยังเจ๊ง นายกฯรับอัตราการขยายตัวอาจติดลบ
Love illusion ความรักลวงตา เพลงที่เข้ากับสังคมonline
Love illusion Version 2คนฟังเยอะ จนต้องมี Version2กันทีเดียว
Smiling to your birthday เพลงเพราะๆ ไว้ส่งอวยพรวันเกิด หรือร้องแทน happybirthday