มาร์คสรุปผลอาเซียนสัมฤทธิ์ผลทำให้ทั่วโลกมั่นใจการเมืองไทย ออกแถลงการณ์ต้านการปกป้องการค้า


"อภิสิทธิ์" สรุปผลอาเซียนซัมมิทประสบความสำเร็จ อ้างทำให้ทั่วโลกมั่นใจ การเมืองไทยกลับสู่ภาวะปกติแล้ว หลังจากมีแต่ปัญหาความข้ดแย้ง เผย 10 ปท.ยืนยันพันธกรณีกระบวนการสร้างประชาคมอาเซียน ปลุกผนึกกำลัง ต่างคนต่างอยู่ลำบาก ออกแถลงการณ์ย้ำจุดยืนต่อต้านการปกป้องการค้า


แถลงย้ำจุดยืนละเว้นกีดกันการค้า

สำหรับการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่โรงแรมดุสิตรีสอร์ทหัวหิน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ในวันที่ 1 มีนาคม ซึ่งเป็นวันสุดท้าย เริ่มด้วยการหารืออย่างเป็นทางการระหว่างผู้นำอาเซียนในช่วงเช้า จากนั้นผู้นำทั้งหมดเข้าร่วมในพิธีลงนามเอกสารผลสรุปจากที่ประชุม โดยมีเอกสารที่ผู้นำลงนาม 1 ฉบับ คือ ปฏิญญาชะอำ หัวหิน ว่าด้วยแผนงานสำหรับประชาคมอาเซียน ปี ค.ศ.2009-2015 ซึ่งเป็นกรอบการดำเนินการของประเทศสมาชิกในอีก 7 ปีข้างหน้า ซึ่งจะนำไปสู่การรวมตัวกันเป็นประชาคมอาเซียนต่อไป

นอกจากนี้ ผู้นำอาเซียนยังได้ให้การรับรองเอกสารอีก 6 ฉบับ ซึ่งรวมถึงแถลงการณ์แยกว่าด้วยวิกฤตเศรษฐกิจและการเงินโลก ที่เพิ่มเติมขึ้นจากเอกสารเดิมที่ทำไว้เพื่อเน้นย้ำว่าอาเซียนให้ความสำคัญกับปัญหาดังกล่าว และสะท้อนจุดยืนรวมถึงท่าทีของอาเซียนเกี่ยวกับการแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจโลก
ในแถลงการณ์ฉบับนี้ผู้นำอาเซียนได้ตอก ย้ำจุดยืนที่จะต่อต้านนโยบายปกป้องการค้า โดยผู้นำอาเซียนตกลงที่จะละเว้นมาตรการกีดกันการค้าใหม่ๆ รวมทั้งเดินหน้ามาตรการที่กำหนดไว้ภายใต้แผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เพื่อให้เกิดการขยายโอกาสทางธุรกิจในภูมิภาค พร้อมกับย้ำความสำคัญของการประสานนโยบายเศรษฐกิจ และการดำเนินการร่วมกันว่าจะช่วยให้ประเทศในภูมิภาคส่งเสริมซึ่งกันและกันได้

นอกจากนี้ ผู้นำอาเซียนยังรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีคลังสมัยพิเศษที่ จ.ภูเก็ต โดยให้รัฐมนตรีคลังอาเซียนทำงานร่วมกับประเทศคู่เจรจา (จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้) เพื่อหาทางออกในประเด็นที่ค้างอยู่ ทั้งนี้ จะมีการนำเอาความเห็นของผู้นำอาเซียนทั้งหมดไปนำเสนอในที่ประชุมจี 20 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในเดือนเมษายนต่อไป

ปธ.อาเซียนสรุปประสบความสำเร็จ

ต่อมาเวลา 11.45 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและประธานอาเซียน นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน ร่วมแถลงผลประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่โรงแรมดุสิตรีสอร์ท หัวหิน โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จากการหารือทั้ง 10 ประเทศ ขอยืนยันในพันธกรณีการสร้างอาเซียนที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการสร้างประชาคมอาเซียน ทั้งนี้ พอใจกับผลหารืออย่างไม่เป็นทางการกับผู้แทนภาคส่วนต่างๆ ซึ่งเป็นการประชุมครั้งแรกภายใต้กฎบัตรอาเซียนที่ได้หารือกันอย่างเปิดกว้าง และประสบความสำเร็จภายใต้หัวข้อหลักกฎบัตรอาเซียนเพื่อประชาชนอาเซียน

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สำหรับปัญหาเรื่องเศรษฐกิจได้มีการแลกเปลี่ยนความเห็นกัน ซึ่งทุกประเทศยืนยันในหลักการค้าเสรี โดยต่อต้านนโยบายการปกป้องการค้าและจะละเว้นการกำหนดมาตรการกีดกันการค้าใหม่ๆ โดยเห็นพ้องที่จะร่วมมือกับกลุ่ม จี 20 ซึ่งจะมีการประชุมที่ลอนดอนในวันที่ 2 เมษายนต่อไป นอกจากนี้อาเซียนยังตกลงที่จะร่วมมือกันด้านความมั่นคงทั้งทางอาหารและพลังงาน โดยจะเน้นพลังงานทดแทน และใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ส่วนด้านการท่องเที่ยว ที่ประชุมอาเซียนพอใจกับการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวอาเซียน ปี พ.ศ.2554-2558 เพื่อเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวอาเซียน
 
ใช้กระบวนการบาหลีแก้โรฮิงญา

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า นอกจากนี้ยังการหารือกันถึงปัญหาของพม่า ซึ่งอาเซียนก็สนับสนุนให้พม่าเดินตามโรดแมปการปฏิรูปการเมืองเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งในปี พ.ศ.2553 ต่อไป ขณะที่ปัญหาผู้หลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายในมหาสมุทรอินเดีย ทั้งที่มาจากบังกลาเทศและพม่า ก็จะใช้กระบวนการบาหลีในการแก้ไขปัญหาต่อไป โดยสาเหตุที่ไม่เจาะจงเฉพาะชาวโรฮิงญานั้นก็เนื่องมาจากว่าหากใช้คำว่าผู้อพยพในคาบสมุทรอินเดียจะมีความหมายที่ครอบคลุมมากกว่า

ต่อมาเวลา 12.00 น. นายอภิสิทธิ์พร้อมด้วยคู่สมรสได้เป็นประธานเลี้ยงอาหารกลางวันแก่ผู้นำและคู่สมรสอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ ณ พระตำหนักมฤคทายวัน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ก่อนที่ผู้นำจะทยอยกันเดินทางกลับประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในแถลงการณ์ของประธานการประชุม มีการระบุถึงประเด็นของชาวโรฮิงญาภายใต้หัวข้อ "ผู้หลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายในมหาสมุทรอินเดีย" ว่า ได้มีการหารือที่เป็นประโยชน์ในเรื่องผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายในมหาสมุทรอินเดียซึ่งมาจากบังกลาเทศและพม่าที่เรียกร้องสถานะผู้ลี้ภัย และเห็นว่าปัญหาดังกล่าวควรได้รับการแก้ไขในบริบทที่กว้างขึ้น เช่น กลุ่มประเทศที่ได้รับผลกระทบ และการประชุมบาหลีในระดับรัฐมนตรีว่าด้วยการลักลอบขนคนเข้าเมือง การค้ามนุษย์ และอาชญากรรมข้ามชาติ ที่เกี่ยวข้อง โดยได้มอบหมายให้เลขาธิการอาเซียนร่วมมือกับรัฐบาลพม่าเพื่อหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผู้หลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายเหล่านี้ในมหาสมุทรอินเดีย

ผู้นำอาเซียนยังเป็นสักขีพยานในการลงนามความตกลงอาเซียนว่าด้วยความมั่นคงทางปิโตร เลียมโดยรัฐมนตรีต่างประเทศ ซึ่งมีสาระสำคัญคือการเปลี่ยนตัวเลขการลดลงของระดับพลังงานสำรองที่ทำให้ประเทศสมาชิกอาเซียนสามารถร้องขอความร่วมมือจากประเทศอื่นได้จากเดิม 20% เหลือเพียง 10%

อ้างทำทั่วโลกมั่นใจการเมืองไทย

นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนไทยเข้าสัมภาษณ์ภายหลังการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนว่า การที่ประเทศไทยจัดงานสำคัญเช่นนี้ จะทำให้ทั่วโลกมั่นใจการเมืองของไทยมากขึ้น ภายหลังจากที่ผ่านมามีแต่ความขัดแย้ง แต่ตอนนี้ได้กลับสู่สภาวะปกติแล้วและสามารถจัดการประชุมสำคัญระดับนานาชาติได้ นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสที่จะได้พบปะหารือทวิภาคีกับผู้นำอาเซียนประเทศอื่นๆ โดยมีหารือหลายปัญหา เช่น พูดคุยเรื่องข้าวกับเวียดนาม คุยเรื่องปัญหาพรมแดนกับกัมพูชาเพื่อการแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี ขณะกันยังได้ขอบคุณมาเลเซียที่ให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ และได้พูดคุยกับสิงคโปร์เรื่องการอบรมข้าราชการและความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ภายหลังที่อาเซียนมีกฎบัตร ก็ทำให้มีกฎเกณฑ์การทำงานร่วมกันในภูมิภาค เพื่อทำให้ความร่วมมือแน่นเฟ้นมากขึ้น ส่วนการร่วมกันเป็นประชาคมอาเซียนนั้น โดยเฉพาะประชาคมเศรษฐกิจ จะเพิ่มโอกาสให้คนไทยมีการสร้างงานมากขึ้นและมีรายได้มากขึ้น และเกือบทุกเรื่องมีเจ้าภาพชัดเจน ส่วนการพบกับภาคประชาสังคม ที่ได้เชิญผู้แทนภาคประชาสังคมมาพบกับผู้นำ แม้มีข่าวออกไปกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่บ่งบอกว่าได้เปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมมากขึ้น

"แต่หากเราจะจัดฉากหรือผักชีโรยหน้าให้เรียบร้อยทั้งหมด 100% ก็สามารถทำได้ แต่เราพยายามให้เกียรติทุกฝ่าย ก็เป็นตัวสะท้อนว่าอาเซียนยังมีสิ่งที่ท้าทายและมีสิ่งที่เราต้องเผชิญร่วมกัน ทั้งนี้ ภาคประชาชนก็ให้ความร่วมมือ แต่ถามว่าถูกใจเขาหรือไม่ ก็ไม่มีทางถูกใจเขา และก็ไม่ได้ถูกใจผู้นำทุกประเทศ แทนที่ต่างฝ่ายต่างยืนตะโกนใส่กัน ก็ตัดสินใจมาเดินไปด้วยกันดีกว่า"ประธานอาเซียนกล่าว

บาดาวีชื่นชมการทำงาน"มาร์ค"

สำหรับเรื่องที่ประเทศไทยเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีบ่อยครั้ง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คงไม่กระทบกับการดำเนินนโยบายและเจรจาระหว่างประเทศ เนื่องจากนายกฯเป็นตัวแทนของประเทศ ซึ่งเมื่อเข้ามารับช่วงต่อก็ต้องสานต่อ แม้มีบางเรื่องต้องเปลี่ยนตามสถานการณ์เพื่อประโยชน์ของประเทศแต่ไม่ได้แปลว่าจะต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด บางเรื่องก็ต้องทำต่อเนื่อง ซึ่งระหว่างการประชุมครั้งนี้ สมเด็จฯฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ก็หยอกเย้าว่า เป็นนายกฯไทยคนที่ 10 ที่ได้ร่วมงานกัน เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องปกติในประเทศที่เป็นประชาธิปไตยที่จะมีการเปลี่ยนแปลง อย่างนายอับดุลเลาะห์ อาหมัด บาดาวี นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ก็จะเดินทางมาร่วมประชุมครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย เพราะจะมีการเปลี่ยนตัวผู้นำมาเลเซียแล้ว

นายอับดุลลาห์ อาหมัด บาดาวี นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย แถลงหลังเสร็จสิ้นการประชุมว่า การประชุมครั้งนี้ประสบผลสำเร็จ นายกรัฐมนตรีไทยสามารถทำหน้าที่ประธานการประชุมได้เป็นอย่างดี ทราบถึงจุดสำคัญของประเด็นที่พูดคุยทำให้การประชุมคืบหน้าไปได้มาก

"ในฐานะที่มารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้เพียง 3 เดือนต้องถือว่าทำงานได้ดี ผมเชื่อว่าคุณอภิสิทธิ์จะสามารถบรรลุเป้าหมายในการเป็นประธานอาเซียนได้ ส่วนตัวแล้วผมชอบการทำงานของท่าน"  นายบาดาวีกล่าว

นายบาดาวีย้ำว่า "ผู้นำอาเซียนทุกคนเห็นพ้องกันว่าต้องต่อต้านการกีดกันทางการค้าเพราะประสบการณ์ของเราในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจในเอเชียครั้งก่อนบอกชัดเจนว่าถ้าพวกเราอยู่ด้วยกันเราจะสามารถฟันฝ่าอุปสรรคนี้ไปได้"

เสนอตั้งกองทุนเอสเอ็มอีอาเซียน

นายอรินทร์ จิรา ประธานสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน แถลงที่โรงแรมเชอราตัน หัวหิน รีสอร์ท แอนด์สปาว่า สภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน ตั้งขึ้นโดยผู้นำประเทศอาเซียน มีสมาชิกจากภาคธุรกิจทั้งหมด 30 คน จากชาติสมาชิกละ 3 คน มีหน้าที่ให้คำปรึกษาผู้นำชาติอาเซียนผ่านรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สภาได้รายงานผลการทำงานต่างๆ ให้ได้รับทราบ อย่างไรก็ตาม อยากเสนอแนวคิดว่าอาเซียนควรจัดตั้งกองทุนเพื่อให้ธุรกิจเอสเอ็มอีกู้เงินได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้รัฐบาลประเทศอาเซียนควรส่งเสริมให้มีการร่วมทุนกันมากขึ้น แต่ขณะนี้ยังคงมีปัญหาที่ ยังไม่ค่อยรู้จักกันและแข่งขันกันเอง ดังนั้น รัฐบาลชาติอาเซียนควรร่วมกันทำให้เกิดการประสานด้านธุรกิจอย่างแน่นแฟ้นเป็น อาเซียน จอยท์เวนเจอร์ คัมปานี ให้ทุกประเทศถือทุนร่วมกันร้อยละ 60
อาเซียน 3

นายกฯพอใจอาเซียน ซัมมิท

วันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์" ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ถึงการจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 14 ระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์-1 มีนาคม ว่า พอใจภาพรวมของการประชุม ซึ่งก่อนประชุมในระดับผู้นำได้มีการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและเศรษฐกิจ ซึ่งได้รับรายงานว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยดีมาก มีความรู้สึกที่ดีต่อกันและกัน และต้องการผลักดันให้อาเซียนเดินหน้าไปได้ ทั้งนี้ หากการจัดการประชุมเป็นไปด้วยความราบรื่น และสร้างความประทับใจได้ บทบาทของไทยในภูมิภาคจะได้รับการเสริมขึ้นมาทันที และที่พิเศษคือ ในการประชุมสุดยอดในเดือนตุลาคม จะจัดประชุมที่ไทยอีกครั้ง ตรงนี้คือโอกาสที่ดีมากในการแสดงบทบาทของไทย เพราะมีสื่อมวลชนเดินทางมาเกือบ 1 พันคน ซึ่งสามารถถ่ายทอดแง่มุมต่างๆ โดยเฉพาะศักยภาพในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับผู้นำของไทย ซึ่งถือเป็นวิธีการประชาสัมพันธ์ประเทศที่ดี หลังจากปีที่ผ่านมา ชาวโลกรับรู้แต่ด้านที่เป็นปัญหาของไทยทั้งสิ้น

ปลุกรวมกันสู้-ต่างคนต่างอยู่ลำบาก

"ได้ใช้เวทีประชุมสุดยอดอาเซียนส่งสัญญาณเรื่องการแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโลก โดยแนวทางในการแก้ไขปัญหาของประเทศในภูมิภาคจะไม่เป็นการหันหลังให้กัน แต่เชื่อมโยงว่าแต่ละประเทศแก้ปัญหาอย่างไร เพื่อให้เกิดการประสานงานที่ดี ไม่มาดึงกันเอง และการเชื่อมโยงประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะทำให้เราได้เปิดโอกาสใหม่ๆ เพราะเศรษฐกิจ 10 ประเทศถ้าต่างคนต่างอยู่ลำบาก เพราะรวมกันแล้วมีประชากรถึง 570 ล้านคน มีรายได้ไม่ได้หย่อนกว่ามหาอำนาจบางประเทศเลย อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าการรวมกลุ่มย่อมมีอุปสรรคบ้าง เพราะเมื่อมีการเปิดเสรี บางธุรกิจย่อมได้รับผลกระทบ ซึ่งก็ต้องช่วยกันดูแลแก้ไขปัญหา และในอีกด้านหนึ่งต้องสร้างความตื่นตัวเรื่องความเป็นอันหนึ่งอันเดียวของอาเซียนเหมือนชาวยุโรปที่รู้สึกว่า เป็นส่วนหนึ่งของสหภาพยุโรป ดังนั้น ต้องกลับไปหาประชาชนว่าทำอย่างไรจะผนึกกำลังประชาคมอาเซียนทั้ง 10 ประเทศได้" นายอภิสิทธิ์กล่าว

นายกฯกล่าวว่า"ลำพังการประชุมคงไม่สามารถตอบทุกสิ่งทุกอย่างได้ แต่มีผลประโยชน์เกิดขึ้นมากมาย อย่างน้อยที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี และ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ก็มีชื่อเสียง ทั้งสื่อและผู้นำประเทศต่างๆ ที่มาโอกาสได้สัมผัสก็ประทับใจทั้งสิ้น ถือเป็นการประชาสัมพันธ์ที่ดี ส่วนเรื่องการส่งเสริมการท่องเที่ยวได้มีโอกาสหารือกับสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เกี่ยวกับนโยบายการใช้วีซ่าเดียวเที่ยว 2 ประเทศ" นายกรัฐมนตรีกล่าว

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์