เอ็นบีที 1 มี.ค.- “อภิสิทธิ์” เผยรัฐบาลมีนโยบายจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุตลอดไป ไม่ใช่แค่ 6 เดือน เริ่มจ่ายได้ เม.ย.นี้ ครูเอกชนได้เงิน 2,000 บาท ตั้งเป้าเศรษฐกิจไตรมาส 4 จะขยายตัวในแดนบวก
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ว่า
วุฒิสภา ให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2552 แล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ จึงเชื่อว่าโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ของรัฐบาล จะสามารถเริ่มต้นได้ในเดือนมีนาคม โดยเฉพาะโครงการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุนั้น ขอทำความเข้าใจว่ารัฐบาลมีนโยบายที่จะให้ตลอดไป ไม่ใช่ให้เพียง 6 เดือน ซึ่งจะเริ่มจ่ายได้ตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป และในส่วนของครูเอกชน ก็จะได้รับเงินจำนวน 2,000 บาทด้วย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า
รัฐบาลได้ประเมินสถานการณ์จากการที่ตัวเลขการส่งออก และการค้าระหว่างประเทศ หดตัวอย่างรุนแรง ว่าจะทำอย่างไรให้เศรษฐกิจของเรายังสามารถที่จะขยายตัวได้ในปีนี้ ซึ่งตนประเมินร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เชื่อว่าตัวเลขของเศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปีนี้คงจะติดลบ และอาจจะติดลบรุนแรงเท่ากับหรืออาจจะมากกว่าใน 3 เดือนสุดท้ายของปีที่แล้ว ซึ่งติดลบไปถึงร้อยละ 4.3
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า
รัฐบาลมั่นใจว่ามาตรการที่ได้เริ่มดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นแผนกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการชุมชนพอเพียง การจ่ายเงินในส่วนของผู้สูงอายุ อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) การเรียนฟรีในช่วงของการเปิดเทอม และมาตรการ 2,000 บาท ก็จะนำไปสู่การใช้จ่ายการหมุนเวียนที่จะทำให้การหดตัวของเศรษฐกิจใน ไตรมาสที่ 2 นั้น น่าจะลดลง แล้วรัฐบาลจะประเมินอีกครั้งว่าในไตรมาสที่ 3 จะทำให้เศรษฐกิจกลับมายืนอยู่ในภาวะที่เรียกว่าไม่เติบโต ไม่หดตัวได้หรือไม่ ก่อนที่ไตรมาสที่ 4 ซึ่งรัฐบาลตั้งความหวังไว้ว่าจะสามารถทำให้เศรษฐกิจมาขยายตัวในแดนบวกได้อีก
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า
มีความจำเป็นต้องกู้เงินจากต่างประเทศ เพื่อเข้ามาลงทุนในโครงการพื้นฐาน ซึ่งเป็นโครงการในลักษณะที่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขั้นตอนต่อไปคือกระทรวงการคลัง จะเร่งนำเอากรอบเจรจาเงินกู้ เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ ถ้ารัฐสภาให้ความเห็นชอบ และนำไปสู่การเจรจา จะมีเงินอีกก้อนหนึ่งซึ่งพร้อมที่จะมาใช้จ่ายตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 เป็นต้นไป ตรงนี้จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่รัฐบาลจะบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ลดความเสียหายที่เกิดขึ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก .-สำนักข่าวไทย