นายก"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" กล่าวสุนทรพจน์เปิดประชุมสุดยอดอาเซียน หวังเห็นภูมิภาคแห่งสันติภาพ ผาสุก หนุนสร้างประชาคมการเมือง-เศรษฐกิจควบคู่ปฏิสัมพันธ์นอกภูมิภาค
(28ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พิธีเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียน (อาเซียนซัมมิต) ครั้งที่ 14 ที่ห้องรอยัล ดุสิต แกรนด์บอลรูม โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ต้อนรับผู้นำรัฐสมาชิกอาเซียน จากนั้นนำผู้นำรัฐสมาชิกอาเซียนทั้งหมดเข้าประจำที่นั่ง ในระหว่างนั้นมีการบรรเลงเพลงประจำอาเซียน การฉายภาพยนตร์สารคดีเกี่ยวกับอาเซียน เรื่อง “จากแหลมแท่นสู่หัวหิน”
จากนั้นนายกรัฐมนตรีกล่าวสุนทรพจน์เปิดงานว่า เมื่อกว่า 4 ทศวรรษที่แล้ว รัฐบุรุษผู้ร่วมก่อตั้งอาเซียนได้พบกันที่แหลมแท่น ซึ่งเป็นเมืองชายทะเลใน จ.ชลบุรี อีกฟากหนึ่งของอ่าวไทยจากบริเวณที่พวกเราอยู่ในปัจจุบัน ท่านเหล่านั้นได้รับแรงจูงใจจาก "ความฝัน" ร่วมกัน ความฝันที่จะรวมประเทศในภูมิภาคบนเส้นทางที่มุ่งไปสู่ประชาคมของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีสันติ สมานฉันท์ และมีความเจริญรุ่งเรือง ดังนั้นเมื่อมีการลงนามในปฏิญญากรุงเทพ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2510 อาเซียนจึงได้ถือกำเนิดขึ้น
วันนี้ อาเซียนได้หวนคืนสู่ประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง ในวาระที่เรามาประชุมกันที่ชะอำ-หัวหิน และเรามาอยู่ร่วมกัน ณ ที่นี้ เพื่อร่วมเป็นสักขีพยานต่อความสำเร็จของผลงานของผู้ก่อตั้งอาเซียน
จากแหลมแท่นสู่ชะอำ-หัวหิน เราได้พัฒนาสายสัมพันธ์แห่งมิตรภาพและความร่วมมือ โดยการเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ และการทำงานร่วมกัน เพื่อเป้าหมายร่วมกัน ในยามวิกฤติ เราได้ร่วมกันแก้ไขปัญหา ในยามสงบ เราได้สร้างโอกาสสำหรับประชาชน ไม่ว่าปัญหาท้าทายจะมาในรูปแบบใด ทั้งความขัดแย้งจากสงครามเย็น หรือวิกฤติเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 พวกเราในอาเซียนได้ฟันฝ่าปัญหาร่วมกัน
จาก 5 ประเทศ เป็น 10 อาเซียนของเราแม้มีความหลากหลาย แต่ก็มีเป้าหมายร่วมกัน ที่ทำให้เรารวมตัวเป็นประชาคมที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น มีความห่วงใยซึ่งกันและกัน และตอบสนองต่อส่วนที่สำคัญที่สุดนั่นคือ ประชาชนอาเซียน
วันนี้ เราเสริมสร้างรากฐานของประชาคมอาเซียน เรามาร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนเป็นครั้งแรกภายใต้กฎบัตรอาเซียน ซึ่งเมื่อรวมกับแผนงานสำหรับการพัฒนาของทั้งสามเสาหลักของประชาคมอาเซียน จะเปรียบเสมือนพิมพ์เขียวกำหนดอนาคตของพวกเราร่วมกัน ที่สำคัญที่สุด ในการก้าวไปข้างหน้า อาเซียนจะให้ความสำคัญกับประชาชนเป็นอันดับแรก ทั้งในวิสัยทัศน์ นโยบาย และในแผนงานของอาเซียน
นั่นคือเหตุผลที่ไทยได้เลือกคำขวัญสำหรับการประชุมสุดยอดครั้งนี้ว่า “กฎบัตรอาเซียนเพื่อประชาชนอาเซียน” สร้างภูมิภาคแห่งสันติภาพ-ผาสุก
ขณะที่เราตั้งเป้าหมายจะสร้างประชาคมอาเซียนให้แล้วเสร็จภายในปี 2558 เราต้องพยายามส่งเสริมและเสริมสร้างสภาวะที่เอื้อต่อสันติภาพและความผาสุกของภูมิภาค อาเซียนจะเป็นจุดศูนย์กลางระหว่างขั้วทางการเมืองและเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่มีเอเชียตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ด้านหนึ่ง และเอเชียใต้อยู่อีกด้านหนึ่ง สิ่งท้าทายในการบรรลุเป้าหมายคือจะทำอย่างไรให้อาเซียนเป็นศูนย์กลางของโครงสร้างทางการเมืองของภูมิภาคต่อไปเราต้องพยายามอย่างแข็งขันในการสร้างประชาคมของเรา เพื่อให้สามารถเป็นกำลังหลักในการสร้างระบบภูมิภาคที่มีสันติภาพและเสถียรภาพ
สำหรับประชาคมการเมืองความมั่นคง เราต้องพยายามสร้างบรรทัดฐานและแนวปฏิบัติ ซึ่งจะช่วยยกระดับความเชื่อมั่นและความเข้าใจกันระหว่างประชาชนภายในภูมิภาค
สำหรับประชาคมเศรษฐกิจ เราต้องเร่งสร้างเขตเศรษฐกิจและฐานผลิตร่วมของอาเซียนที่สามารถดึงดูดการค้าลงทุนจากต่างประเทศได้
สำหรับประชาคมสังคมวัฒนธรรม เราต้องพยายามส่งเสริมประชาคมที่เอื้ออาทรและแบ่งบัน ซึ่งจะทำให้ประชาชนของเราสามารถใช้ชีวิตอย่างมั่นคง
นอกจากนี้ เราต้องทำให้อาเซียนเป็นองค์กรที่ตั้งอยู่บนกฎกติกา และในฐานะที่อาเซียนเป็นองค์กรที่มีนิติฐานะ อาเซียนต้องมีความน่าเชื่อถือและความโปร่งใส โดยมีการประนีประนอม การตรวจสอบ และการเจรจาในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเป็นมาตรฐานขององค์กร
เราต้องทำให้อาเซียนเป็นองค์กรที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ในเรื่องการส่งเสริมและการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและสิทธิขั้นพื้นฐานหนึ่งในเรื่องสำคัญของประชาคมอาเซียน การจัดตั้งกลไกสิทธิมนุษยชนอาเซียนภายในปีนี้เป็นครั้งแรกของอาเซียนมีกลไกและเป็นก้าวสำคัญของการส่งเสริมและปกป้องสิทธิมนุษยชนในภูมิภาค
หวังว่าการประชุมสุดยอดครั้งนี้จะเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญในความพยายามสร้างความรู้สึกของความเป็น “ราษฎรอาเซียน” และแปลงความหวังของประชาชนให้เป็นผลที่เป็นรูปธรรมในขณะที่เราเสริมสร้างความเข้มแข็งภายใน การสร้างเสริมปฏิสัมพันธ์กับประเทศนอกภูมิภาค เรายังต้องเสริมสร้างความเชื่อมโยงระหว่างอาเซียนกับโลกภายนอก และเพิ่มพูนบทบาทและความร่วมมือของอาเซียนในกรอบความร่วมมือและกระบวนการในระดับภูมิภาคต่างๆ เสริมสร้างเสถียรภาพทางการเงินและเศรษฐกิจของภูมิภาคในความเป็นหุ้นส่วนกับประเทศในเอเชียตะวันออกอื่นๆ และร่วมมือกับมิตรของเราเพื่อแก้ไขประเด็นเร่งด่วนที่มีผลกระทบต่อประชาชน
การประชุมสุดยอดครั้งนี้เป็นเพียงภาคแรก ในภาคสอง ไทยจะจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนบวกสาม และการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกต่อไปในปีนี้ ซึ่งไทยกำลังหารือกับประเทศที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดวันประชุม นอกจากนี้ เราจะเป็นประธานการประชุมอาเซียนว่าด้วยการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เออาร์เอฟ) และการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกับคู่เจรจา (พีเอ็มซี) ในเดือนกรกฎาคม และได้กำหนดจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 15 ในเดือนตุลาคมนี้เมื่ออาเซียนได้จัดตั้งขึ้น บรรยากาศในภูมิภาคถูกแวดล้อมด้วยความขัดแย้ง และครอบคลุมโดยเงามืดของสงครามเย็น วันนี้ เราต้องเผชิญกับความท้าทายที่แตกต่างจากเดิม สิ่งที่อาเซียนเผชิญอยู่เป็นความท้าทายรูปแบบใหม่และส่งผลกระทบต่อผู้คนโดยไม่ถูกกีดกันโดยพรมแดน
ตั้งแต่ผลกระทบของวิกฤติการเงินโลก และสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง ตลอดจนความท้าทายจากความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน ปัญหาข้ามพรมแดน ภัยพิบัติธรรมชาติและโรคระบาดไปจนถึงปัญหาต่อความมั่นคงมนุษย์ เช่น อาชญากรรมข้ามชาติ การลักลอบขนสิ่งเสพติด ตลอดจนเหยื่อการค้ามนุษย์และการก่อการร้าย อาเซียนจะต้องตอบสนองได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงทีต่อสิ่งท้าทายในยุคปัจจุบัน
หวังจากการประชุมนี้และการประชุมอื่นๆ ว่าอาเซียนจะสามารถพัฒนาทีมเพื่อตอบสนองต่อภัยพิบัติที่มีประสิทธิภาพ มีขั้นตอนมาตรฐานเพื่อให้อาเซียนสามารถตอบสนองต่อภัยพิบัติใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นภัยธรรมชาติหรือโรคระบาด โดยประสานงานและทำงานอย่างใกล้ชิดกับเลขาธิการอาเซียนและหุ้นส่วนอื่นๆ ในภูมิภาค
ผมยินดีกับความก้าวหน้าในการหารือระหว่างรัฐมนตรีคลังอาเซียนและประเทศบวกสามที่ภูเก็ตเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งได้ผลักดันในข้อริเริ่มเชียงใหม่มีลักษณะเป็นพหุภาคี และมาตรการอื่นๆ เพื่อรับมือกับวิกฤติการทางการเงินโลกและผลกระทบที่มีต่อภูมิภาค
ในขณะนี้อาเซียนกำลังเผชิญหน้ากับการต่อสู้ทางเศรษฐกิจและการฟื้นฟู ต่อจากนี้จะเป็นบททดสอบสำหรับเราทั้งในฐานะกลุ่มประเทศอาเซียน และในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของภูมิภาคเอเชีย ในขณะที่วิกฤติการเงินเลวร้ายลง โลกจะหันมาสู่ภูมิภาคเราเพื่อแสวงหาความเชื่อมั่นและการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมซึ่งเป็นสิ่งที่เราได้วางแผนที่จะทำ
ในการประชุมเศรษฐกิจโลก ที่เมืองดาวอส ผมได้เสนอมุมมองต่อการจัดการความท้าทายด้านความมั่นคงทางอาหาร โดยการกำจัดการบิดเบือนกลไกตลาดกับการประชุมสุดยอดกรุงลอนดอนหรือ จี 20 ในเดือนเมษายน หวังว่า ผม (ในฐานะประธานอาเซียน เคียงข้างกับประธานาธิบดีอินโดนีเซีย) จะสามารถบอกกล่าวความคาดและกังวลของอาเซียนตลอดจนแนวความคิดต่อวิกฤติการทาง ตามข้อเสนอและคำแนะนำที่ผมจะได้รับจากการประชุมสุดยอดนี้ภายหลังที่ผมได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ได้สัญญากับประชาชนชาวไทยว่าจะทำเต็มความสามารถเพื่อให้มั่นใจว่าไทยจะเป็นดินแดนแห่งเสรีภาพที่เต็มไปด้วยโอกาสและเป็นดินแดนแห่งรอยยิ้ม
วันนี้ เช่นเดียวกับในอดีต ผมอยากให้คำสัญญาในลักษณะเดียวกันกับประชาชนอาเซียน
ผมขอยืนยันว่า ในช่วงที่ประเทศไทยเป็นประธานอาเซียน และโดยการสนับสนุนของผู้นำอาเซียนทุกท่าน ผมจะผลักดันให้วิสัยทัศน์และความฝันของผู้ก่อตั้งอาเซียนที่จะสร้างประชาคมอาเซียนที่เต็มไปด้วยความห่วงใยและเอื้ออาทรต่อกันและกันเป็นจริง ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะได้ทำงานกับผู้นำอาเซียนเพื่อสร้างความมั่นคง สันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่งคั่ง สำหรับประชาชนในปัจจุบันและอนาคต
สุดท้ายนี้ในฐานะประชาชนอาเซียนคนหนึ่ง ผมจะร่วมมือกับประชาชนอาเซียนทั่วภูมิภาคเพื่อให้อาเซียนเป็นที่รู้จักในภูมิภาคและทั่วโลก จากแหลมแท่นสู่ชะอำและหัวหิน การเดินทางที่ใช้เวลากว่า 42 ปีได้ทำให้ความฝันของผู้ก่อตั้งอาเซียนได้เป็นจริง เพราะเป็นจุดเริ่มของความฝันอีกอันหนึ่งที่จะสร้างประชาคมอาเซียนที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง มีพลวัตร และมีความเอื้ออาทรให้กับทุกคน
เรากำลังจะได้เห็นอาเซียนเดินไปสู่เป้าหมายที่อาเซียนไม่ใช่เป็นองค์กรสำหรับผู้มีอำนาจหรือร่ำรวย แต่สำหรับประชาชนทุกคนในประชาคมนี้ สิ่งที่สำคัญไม่ใช่จำนวนประเทศสมาชิก แต่ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เราจะต้องก้าวไปด้วยกันและในทิศทาง ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่เราก่อตั้งมานานหรือไม่ แต่อยู่ที่ความสำเร็จที่เราได้บรรลุในอดีตและความสำเร็จในปัจจุบัน และอนาคตที่เราจะทำให้เกิดขึ้น
ในขณะที่เรามองไปข้างหน้าในปี พ.ศ.2558 ผมขอเชิญทุกคนในฐานะประชาชนชาวอาเซียน และเพื่อนของอาเซียนร่วมเดินทางไปกับผมไปถึงวันที่เราจะเห็นความฝันและความหวังของเราเป็นจริง ขอบคุณครับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังกล่าวสุนทรพจน์จบสิ้น นายกรัฐมนตรีเชิญผู้นำรัฐสมาชิกอาเซียนทั้งหมดขึ้นเวทีเพื่อถ่ายรูปหมู่ร่วมกัน