“สาทิตย์”ขอบคุณมวลชนเสื้อแดงชุมนุมด้วยความสงบ ไม่หวั่นยกระดับเป็นการขับไล่ ระบุ ไม่ใช่รัฐบาลเผด็จการซ่อนรูป แจงส่งทหารคุมทำเนียบ เหตุตำรวจร้องขอ เป็นไปตามขั้นตอนปกติ
(27ก.พ.) นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีกลุ่มมวลชนเสื้อแดงสลายการชุมนุมและจะยกระดับการเคลื่อนไหวเข้มข้นขึ้นเป็นการขับไล่รัฐบาล โดยจะกลับมาในอีก 1 เดือนข้างหน้าว่า ขอคุณกลุ่มผู้ชุมนุม ที่ทำให้การชุมนุมเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ตามรัฐธรรมนูญ โดยหลังจากนี้รัฐบาลจะเร่งเดินหน้าบริหารประเทศ เป็นรัฐบาลของทุกภาค ซึ่งภายในสัปดาห์จะเร่งเดินหน้านโยบายต่าง ๆ ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนการยกระดับเป็นการขับไล่รัฐบาลนั้นเป็นสิทธิ์ท่ามารถทำได้หากไม่มีการกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย
“รัฐบาลไม่ได้กังวลกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดง เพราะถือว่าต่างตนต่างทำหน้าที่ในระบอบประชาธิปไตย และทำให้รัฐบาลได้เตรียมการรับมือการชุมนุมได้ทุกสถานการณ์ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีความคิดที่จะย้ายที่ทำงานออกจากทำเนียบรัฐบาล เพราะเป็นสถานที่ทำงานของรัฐบาล แต่เราได้เตรียมมาตรการรับมือไว้เรียบร้อนแล้ว ” นายสาทิตย์ กล่าว
เมื่อถามถึงการวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีการระดมกำลังทหารเข้ามารักษาความปลอดภัยในทำเนียบรัฐบาลเป็นจำนวนมาก จนทำให้ถูกมองว่าทหารอยู่เบื้องหลังรัฐบาลชุดนี้ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ทหารมีหน้าที่เป็นผู้ช่วยเจ้าหน้าที่คือตำรวจ
เมื่อมีการร้องขอให้ทหารออกมาช่วยก็ต้องมา ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนปกติของการรักษาความปลอดภัยในการชุมนุม ทหารไม่ได้มายึดทำเนียบอย่างที่เข้าใจ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ปฏิบัติ 2 มาตรฐาน เพราะการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรอยู่ภายใต้การบริหารของรัฐบาลชุดก่อน และการจัดการชุมนุมของรัฐบาลในอดีตไม่เคยมีการขอกำลังทหารเข้ามาช่วยเหลือ หากอยากรู้ความจริงไปถามอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในรัฐบาลชุดก่อนได้
นายสาทิตย์ กล่าวถึงกรณีตำรวจออกหมายเรียก 21 แกนนำพันธมิตรแต่ไม่มีชื่อของนายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ ว่าการออกหมายจับ 21 แกนนำพันธมิตรนั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องการบุกยึดสภา
ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นนายกษิตไม่ได้เข้าร่วมเหตุการณ์ด้วยแต่อย่างได จึงไม่ชื่อตามที่ตำรวจออกหมายจับ แต่กลุ่มมวลชนเสื้อแดงพยายามหยิบยกเอาเรื่องในช่วงที่นายกษิต ยังไม่ได้เป็นรัฐมนตรีเอามาเกี่ยวข้องจนทำให้เกิดความสับสนและอาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ ที่สำคัญการออกหมายเรียกเป็นขั้นตอนการดำเนินการตั้งแต่รัฐบาลชุดก่อน แต่รับบาลชุดนี้เพิ่งเข้ามาบริหารประเทศ จึงไม่เกี่ยวจ้องทุกอย่างตรงไปตรงมา