ดึงกูรูรางวัลโนเบลช่วยกู้ศก.ไทย นายกฯรับปัญหาหนักขึ้น

นายกฯ เตรียมเชิญนักเศรษฐศาสตร์โนเบล "โจเซฟ อี สติกลิตซ์" ให้คำปรึกษารัฐบาลไทย ถกทีมเศรษฐกิจรับปัญหาหนักขึ้น เตรียมก๊อก 2 ใช้เงินกู้ต่างประเทศลงทุนฟื้นเศรษฐกิจ สศค.คาดไตรมาสแรกปีนี้ทรุดกว่าไตรมาส 4 ปี 2551

 นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า
 
ขณะนี้รัฐบาลอยู่ระหว่างเตรียมข้อมูลให้นายกฯ ในการเดินทางไปร่วมประชุมจี 20 วันที่  2-4 เมษายนนี้ โดยนายกฯ จะพยายามเดินสายพบกับทุกภาคส่วน เพื่อนำมาเป็นข้อมูลใช้แลกเปลี่ยนในการแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจของโลก

 ทั้งนี้ แนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลได้รับคำชมจากนายโจเซฟ อี สติกลิตซ์ ศาตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และนักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับรางวัลโนเบล สาขาเศรษฐศาสตร์ เมื่อปี 2001 ซึ่งนายโจเซฟกล่าวเตือนรัฐบาลไทยในเรื่องการปฏิบัติ ซึ่งนายกฯ ได้ขอความเห็น และเชิญนายโจเซฟมาเป็นให้คำปรึกษาด้านเศรษฐกิจแก่รัฐบาลไทย ซึ่งได้รับการตอบรับคำเชิญของนายกฯ เรียบร้อยแล้ว เพราะแนวคิดของทั้งสองคนตรงกัน

 รายงานข่าวระบุว่า
 
เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 26 กุมภาพันธ์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้หารือกับทีมเศรษฐกิจที่บ้านพิษณุโลก ซึ่งเป็นครั้งแรกที่นายกรัฐมนตรีใช้บ้านพิษณุโลกทำงานนับจากเข้ารับตำแหน่ง โดยนายอภิสิทธิ์เปิดเผยภายหลังเปิดงานทวิภาคีร่วมหารือ เพื่อหาทางออกวิกฤติเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อแรงงานว่า จากการประเมินร่วมกัน ทีมเศรษฐกิจเห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจหนักขึ้น แต่เป้าหมายในเชิงกรอบเวลาที่รัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจไปยังเหมือนเดิม คือ ต้องพยายามหยุดยั้งตัวเลขติดลบในไตรมาส 2-3 และพยายามทำให้เป็นบวกในไตรมาส 4

 "ขณะนี้เห็นชัดว่า เศรษฐกิจทั่วโลกหดตัวกว่า 30-40% จึงมีความจำเป็นต้องใช้แผน 2 กระตุ้นเศรษฐกิจ โดยกู้เงินจากต่างประเทศมาลงทุนฟื้นเศรษฐกิจ ซึ่งกระทรวงการคลังกำลังพิจารณาดำเนินการและจะเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน 2 สัปดาห์" นายอภิสิทธิ์กล่าว

 ดร.สมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า

เศรษฐกิจไตรมาสแรกปีนี้มีโอกาสติดลบมากกว่าไตรมาส 4 ปี 2551 เนื่องจากการส่งออกเดือนมกราคม หดตัวลงมากกว่าที่คิด รวมถึงการนำเข้าที่ลดลง ขณะที่การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนมีสัญญาณอ่อนแอลงมาก แต่ในไตรมาส 2 และ 3 ตัวเลขจีดีพี แม้จะยังติดลบ แต่ก็น้อยลงจากไตรมาสแรก เป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ส่วนไตรมาส 4 จะเป็นตัวชี้วัดว่าเศรษฐกิจไทยจะผงกหัวขึ้นมาเป็นบวกได้ หรือยังซึมยาวต่อเนื่องไปถึงปีหน้า