อธิบดีผู้พิพากษาเห็นแย้ง ระบุศิโรตม์มีความผิด

หลังจากวันนี้ (26 ก.พ.) ศาลอาญาตัดสินยกฟ้องนายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์ อดีตอธิบดีกรมสรรพากรกับพวกในคดีงดเว้นการเก็บภาษี   กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ อดีตภริยา ในการโอนหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จำ นวน 4.5 ล้านหุ้น มูลค่า 738 ล้านบาท ให้นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายต่างมารดาคุณหญิงพจมาน และคนรับใช้ เมื่อปี 2540 นั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชีพ จุลมนต์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ได้ทำการตรวจสำนวนคดีที่ นายศิโรตม์ สวัสดิ์พานิชย์ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร และนายวิชัย จึงรักเกียรติ อดีตผู้อำนวยการสำนักกฏหมาย ซึ่งเป็นจำเลยที่ 1 และ 2 พร้อมพวกรวม 5 คน ร่วมกันหลีกเลี่ยงการเก็บภาษีคดีโอนหุ้นบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งทำให้รัฐสูญเสียกว่า 270 ล้านบาท ซึ่งคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

ทั้งนี้ นายชีพ ได้มีความเห็นแตกต่างจากความเห็นขององค์คณะผู้พิพากษา โดยเห็นว่า พฤติกรรมของจำเลยที่ 1 และ 2 ย่อมชี้ให้เห็นถึงเจตนาอันแท้จริงทำให้รับฟังโดยปราศจากข้อสงสัยใดๆว่า จำเลยทั้ง 2 ต่างมีเจตนาช่วยเหลือ หรือเอื้อประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ให้กับนายบรรณพจน์ ดามาพงษ์ เพื่อไม่ต้องเสียภาษีเป็นเงิน 270 ล้านบาท ซึ่งจำเลยที่ 1 และ 2 จึงมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157

ด้านอัยการเจ้าของสำนวน กล่าวว่า จะรายงานผลคำพิพากษาให้อัยการสูงสุด ส่วนจะใช้ดุลพินิจอุทธรณ์คดีหรือไม่ ยังบอกไม่ได้ เพราะคดีเพิ่งจะตัดสินเสร็จ โดยมีกำหนดระยะอุทธรณ์ภายในเวลา 30 วัน

สำหรับบันทึกความเห็นแย้งของอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญานั้นจะมีผลประกอบการใช้ ดุลพินิจ กรณีที่อัยการพิจารณาสั่งให้มีการอุทธรณ์คดี นายนันทชัย อุกฤษณ์ ทนายความของนายศิโรตม์ กล่าวภายหลังรับทราบผลคดีว่า จะนำคำพิพากษาของศาลอาญาไปเสนอต่อศาลปกครองกลางในคดีที่นายศิโรตม์ ยื่นฟ้องกระทรวงการคลัง ซึ่งมีมติให้ออกจากราชการตั้งแต่ปี 2549 โดยจะขอให้ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้นายศิโรตม์ กลับเข้ารับราชการในตำแหน่งเดิม พร้อมคืนสิทธิประโยชน์ที่พึงได้ตั้งแต่ช่วงปี 2549 ถึงปัจจุบัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาพยานหลักฐานของศาลปกครอง  ทนายความของนายศิโรตม์ กล่าวต่อว่า คดีดังกล่าวยื่นฟ้องภายหลังที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ลงโทษทางวินัยของคณะกรรมการข้าราชกาพลเรือน (ก.พ.) มีมติให้ลดโทษจากเดิมที่ไล่ออกเป็นปลดออกจากราชการ เมื่อประมาณ 6 เดือนที่ผ่านมา ส่วนจะฟ้องกลับคณะกรรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือไม่นั้นต้องหารือกันก่อน ทางด้านนายศิโรตม์ ซึ่งมีสีหน้ายิ้มแย้ม ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ โดยกล่าวเพียงสั้นๆว่า ไม่ขอแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำพิพากษา และความเห็นแย้งดังกล่าว