วันนี้ (26 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการหารือกับทีมเศรษฐกิจ อาทิ
นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายอำพน นิติอำพน เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) โดยจะเป็นการหารือวิเคราะห์ถึงภาพรวมเศรษฐกิจที่บ้านพิษณุโลก เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ว่าหลังจากการหารือนานกว่า 1 ชั่วโมงนั้น มีความจำเป็นที่จะต้องกู้เงินจากต่างประเทศเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในรอบที่ 2 หลังวิกฤติทางเศรษฐกิจมีความรุนแรงมากขึ้น
นายกฯ กล่าวอีกว่า แนวทางนโยบายการเงินในกระเป๋าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นมาถูกทางแล้ว
เพราะหากช้ากว่านี้การแก้ปัญหาจะยาก ดังนั้นจึงต้องเตรียมมาตรการเพิ่มเติมโดยให้กระทรวงการคลังไปร่างกรอบการเจรจาเพื่อกู้เงินจากต่างประเทศและนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีภายใน 2 สัปดาห์ โดยจะนำเงินดังกล่าวมาใช้ในไตรมาสที่ 3 สำหรับลงทุนในโครงการขนาดใหญ่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ต่อมา นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการสัมมนาทวิภาคีร่วมหารือ เพื่อหาทางออกวิกฤติเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อแรงงาน
โดยสภาองค์กรนายจ้างแห่งประเทศไทย ร่วมกับองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ที่ร่วมกันจัดขึ้นเพื่อให้แสดงความคิดเห็นในการแก้ไขปัญหา ที่โรงแรมสวิสโฮเต็ล เลอ คองคอร์ด ซึ่งนายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลต้องแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุต้องพยายามไม่ให้เกิดการเลิกจ้างมากที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทาย สำหรับมาตรการระยะสั้นคือ การกระตุ้นให้เกิดกำลังซื้อมากที่สุด โดยมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลออกมานั้น คาดว่า ภายในเดือนมีนาคมนี้ จะเริ่มใช้งบประมาณต่างๆ ได้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี ตัวเลขการติดลบของระบบเศรษฐกิจน่าจะดีขึ้น
อีกทั้งในช่วงปลายปี 52 จะใช้งบประมาณกลางปีในการกระตุ้นระบบเศรษฐกิจอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อแก้ไขปัญหาระยะยา สำหรับปัญหาด้านแรงงานที่พบตั้งแต่ช่วงปลายปี 51 ที่ผ่านมา มีความขัดแย้งระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง ดังนั้น นายจ้างต้องมีความโปร่งใส และทำความเข้าใจร่วมกันกับลูกจ้าง เพื่อประคับประคองธุรกิจให้อยู่รอด