วันแดงเดือด ปฏิบัติการยึดทำเนียบ

ล่าสุด "กองทัพเสื้อแดง" ที่ระดมพลร่วมหมื่นคน ได้บุกเข้าครองพื้นที่ "ทำเนียบรัฐบาล" ตามที่เคยได้ประกาศเอาไว้มาก่อนหน้านี้

โดยยึดเอาถนนหน้าทำเนียบรัฐบาลเรียบคลองเปรมประชากร ด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อปักหลักชุมนุมใหญ่ยืดเยื้อขับไล่ "รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ"

โดยอ้างเงื่อนไขการทวงถามข้อเรียกร้อง 4 ข้อคือ 1.ดำเนินการกับพันธมิตรทางกฎหมายภายใน 15 วัน 2.ปลดนายกษิต ภิรมย์ ออกจากการเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศภายใน 15 วัน 3.นำรัฐธรรมนูญ 2540 กลับมาใช้ และ 4.ภายหลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญให้ยุบสภาคืนอำนาจแก่ประชาชนทันที

แม้จะยังไม่มีคำประกาศแน่นอนออกมาว่า การชุมนุมของ "กลุ่มคนเสื้อแดง" นั้นจะยืดเยื้อยาวนานแค่ไหน

แต่สิ่งที่ปรากฏออกมา ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ "เสื้อแดง" ได้แสดงแสนยานุภาพอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อเดินตามเป้าหมายสำคัญล้ม "รัฐบาลอภิสิทธิ์" และสร้างโอกาสในการคืนชีพให้ "พรรคเพื่อไทย" และ "พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร"

เดิม "กลุ่มคนเสื้อแดง" นั้นมีเป้าหมายชัดเจนว่า เคลื่อนไหวเพื่อคงกระแส "ทักษิณ" และสร้างความนิยมให้กับ "พรรคเพื่อไทย" แต่เมื่อสถานการณ์การเมืองเปลี่ยนแปลงไป โดย "พรรคเพื่อไทย" ไม่ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล

ทำให้ "กองทัพเสื้อแดง" ต้องปรับตัวเองจาก "มวลชนคนรักประชาธิปไตย" มาเป็น "เครื่องจักรเสื้อแดง" ที่ขับเคลื่อนเพื่อล้มล้างรัฐบาล

ถือได้ว่าเป็น "กองกำลังหลัก" ในยุทธศาสตร์การต่อสู้ของ "พ.ต.ท.ทักษิณ"

ยิ่งในช่วงที่ "พรรคประชาธิปัตย์" และ "กลุ่มเพื่อนเนวิน" กำลังเดินเครื่องสลาย "กระแส" และฐานเสียงของ "พรรคเพื่อไทย" ทำให้ "เครื่องจักรเสื้อแดง" ต้องเพิ่มความเข้มข้นขึ้นทุกการปฏิบัติการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบรรยากาศการเมืองที่หลายคนฟังธงว่า โอกาสที่ฝ่าย "พ.ต.ท.ทักษิณ" เพลี่ยงพล้ำจน "พ่ายแพ้" มีมากกว่าโอกาสที่จะได้รับ "ชัยชนะ"

ซึ่งแม้แต่ "แกนนำพรรคเพื่อไทย" บางคนยังยอมรับว่า "เทพีแห่งโชค" จะไม่ได้เข้าข้าง "พ.ต.ท.ทักษิณ" ในระยะนี้ ซึ่งส่งผลถึงโอกาสที่จะได้กลับประเทศไทยอย่าง "ผู้ชนะ" เหมือนครั้ง "จูบแผ่นดิน" หลังการเลือกตั้ง 23 ธันวาคม 2550 ตามความฝันของ พ.ต.ท.ทักษิณ แทบจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้อีก

ทำให้ "บางคน" เริ่มมองหาลู่ทางความอยู่รอดมากกว่าการดันทุรังสู้อย่างไร้ความหวัง และสรุปออกมาได้ว่าถนนสายการเมืองนั้นเปิดโอกาสให้ "พ.ต.ท.ทักษิณ" เดินได้เพียง 2 ทาง คือ หนึ่ง "การเจรจาสงบศึก" ที่จะช่วยให้ทุกฝ่ายได้เริ่มต้นกันใหม่ทั้ง "เพื่อไทย" และ "ประชาธิปัตย์"

แต่การที่จู่ๆ จะเดินเข้ามาขอเปิดโต๊ะเจรจาทันทีนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยในภาวะที่ "ประชาธิปัตย์" ถือไพ่เหนือกว่าแทบทุกใบ

จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้แนวทาง ที่สอง คือ การทำลายความมั่นคงของรัฐบาล ด้วยการ "ต่อต้าน" ทุกรูปแบบ เข้าไปด้วย จะทำให้กลายเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดสำหรับการ "ต่อรอง" เพื่อเริ่มต้นการตั้งโต๊ะเจรจา

การเคลื่อนไหวของ "เครื่องจักรเสื้อแดง" ที่บุกยึด "ทำเนียบ" แล้วติดตามมาด้วยการชุมนุมยืดเยื้อและขับไล่รัฐบาลยกคณะ ก็เป็นการสร้างความสั่นสะเทือนให้รัฐบาลประชาธิปัตย์ได้ แต่ยังเป็นเพียงแค่ระดับหนึ่ง

ยิ่งช่วงนี้ "เด็กเพื่อไทย" พยายามโก่งคอร้องหา "รัฐบาลแห่งชาติ" โดยพยายามที่จะให้ "ประชาธิปัตย์" หันมาจับมือกับ "เพื่อไทย" ในการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน

ยิ่งทำให้มั่นใจว่า "โต๊ะเจรจา" อาจจะเป็นสิ่งเดียวที่อยู่ในใจของ "พ.ต.ท.ทักษิณ" ตอนนี้

เป็นไปได้ว่า "เครื่องจักรเสื้อแดง" เองก็พร้อมที่จะสร้างเงื่อนไขเพื่อให้สถานการณ์ยิ่งวิกฤตเข้าไปอีก

โดยเฉพาะในช่วงประชุม "สุดยอดผู้นำอาเซียน" ที่ "รัฐบาลไทย" จะเป็นเจ้าภาพ

ถือเป็นช่วงเวลาที่อ่อนไหวและสร้างแรงสะเทือนได้ดีที่สุด!!!

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์