รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตัดสินใจย้ายที่ประชุมครม.ไปที่อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในวันนี้ ด้วยข้ออ้างว่าไปติดตามความพร้อมในการจัดประชุมอาเซียนซัมมิต
แต่จริงๆ แล้ว ก็หลีกเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับม็อบเสื้อแดง ที่ประกาศจะเคลื่อนพลไปชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล ทวงคำตอบที่ยื่นข้อเรียกร้องให้รัฐบาล 4 ข้อ คือ
1. ดำเนินการทางกฎหมายกับกลุ่มพันธมิตรภายใน 15 วัน
2. ปลดนายกษิต ภิรมย์ ออกจากการเป็นรมว.ต่างประเทศ ภายใน 15 วัน
3. นำรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 กลับมาใช้
4. หลังการประกาศใช้รธน.ฉบับดังกล่าวแล้ว ก็ให้ยุบสภาคืนอำนาจแก่ประชาชนทันที
แม้รัฐบาลจะทิ้งทำเนียบเผ่นไปหัวหินแล้ว แต่แกนนำนปช.ยืนยันว่าจะเคลื่อนม็อบไปกดดันขอคำตอบอย่างแน่นอน และจะปักหลักอยู่ยาว
พร้อมๆ กับปูดแผนการรูปแบบต่างๆ ที่รัฐบาลจะจัดการม็อบ มีทั้งจะใช้ทหารและตำรวจเข้าจัดการกับกลุ่มคนเสื้อแดง
อย่างไรก็ตาม การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อเหลืองตลอดทั้งปีที่ผ่านมา ในส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นปฏิบัติการค่อนข้างดี
ยกเว้นกรณีวันที่ 7 ตุลาคม ที่มีการปะทะจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต แต่ผลการสอบสวนก็ไม่สามารถระบุได้ว่าใครผิด
แก๊สน้ำตาสามารถทำให้คนขาขาด เสียชีวิตได้หรือไม่ ยังเป็นที่กังขา
เนื่องจากมีการนำไปเปรียบเทียบกับการยิงแก๊สน้ำตาสลายกลุ่มนปช.ที่บุกปิดล้อมบ้านประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษก็เป็นชนิดเดียวกัน
ทำไมครั้งนั้น ถึงไม่เป็นอันตรายเกิดการสูญเสีย ถึงขั้นมีการเสียชีวิต
เรื่องนี้จะต้องหาบทสรุปกันต่อไป
สำหรับม็อบเสื้อแดงที่ออกมาเคลื่อนไหว ต้องเตือนกันว่า อย่าได้เดินซ้ำรอยม็อบพันธมิตรที่กระทำอุกอาจ ละเมิดกฎหมายถึงขั้นยึดทำเนียบ ปิดสนามบิน
เพราะขืนทำอย่างนั้น ชาวบ้านส่วนใหญ่คงจะไม่เห็นด้วย
เหมือนกับตอนนี้ ที่คนจำนวนมากกลับมามีสติ คิดได้ว่าสิ่งที่พันธมิตรทำลงไป ถูกต้องหรือไม่
ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ที่เพิ่งขึงขังบอกจะออกหมายจับแกนนำที่บุกยึดทำเนียบ ยึดสนามบิน ก็ขอให้ทำอย่างจริงจัง ในมาตรฐานเดียวกัน
อย่าปากว่าตาขยิบ เพียงเพื่อใช้เป็นข้ออ้างเล่นงานฝ่ายตรงข้าม
เพราะการได้มาเป็นรัฐบาลนั้น เป็นที่รู้อยู่ว่าเป็นผลประโยชน์ที่สอดคล้องกันระหว่างคมช. กองทัพ และพันธมิตร
อย่างล่าสุด หัวหน้ารัฐบาล ผู้จัดการรัฐบาล ตลอดจนบรรดาส.ส.ที่อยู่หลังเวทีม็อบ
ก็ออกงานจู๋จี๋อี๋อ๋อกับแกนนำพันธมิตรอย่างเปิดเผย
แสดงความสนิทสนมกันดีอีกต่างหาก