ไม่ว่าฝ่ายรัฐบาลจะอ้างเหตุผลใด ก็คงไม่พ้นข้อสงสัยหนีม็อบ
ในเมื่อม็อบสีแดงนัดไว้ล่วงหน้าข้ามเดือน
อังคารที่ 24 ก.พ.ชุมนุมใหญ่สนามหลวง ก่อนเคลื่อนขบวนบุกทำเนียบ
เพื่อทวงคำตอบที่ตั้งคำถามไว้?
ในความเป็นรัฐบาลย่อมเข้าใจได้ ต้องทำทุกวิถีทางให้การประชุมอาเซียนซัมมิต ที่หัวหิน ปลายก.พ.ต่อต้นมี.ค.ผ่านไปด้วยดี
การย้ายสถานที่ประชุมครม.จึงเป็นทางเลี่ยงอย่างหนึ่ง
ช่วงเวลานั้นไม่เพียง 10 ผู้นำชาติอาเซียน
บวกกับ 3 ผู้นำ(หรือผู้แทน)ยักษ์ใหญ่เอเชียอย่างจีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จะมาเยือนไทย
กองทัพสื่อมวลชนนานาสำนักจากทั่วโลกก็มาปักหลักทำข่าวด้วย
หน้าตาของประเทศจำเป็นต้องดูแลรักษาเป็นพิเศษ!
ความรับผิดชอบย่อมตกลงบนบ่านายกฯอภิสิทธิ์ ในฐานะผู้นำประเทศเจ้าภาพ
อดีตไม่ไกลนักหน้าตาของประเทศเสียหายยับเยิน
จากเหตุการณ์รัฐประหาร 19 ก.ย.49
ประชาคมโลก โดยเฉพาะมหาอำนาจหยุดคบค้าสมาคมทั้งทางตรง ทางอ้อม
นายกฯสุรยุทธ์ กับครม.ขิงแก่ รู้ซึ้งดีกว่าใคร?
อดีตอันใกล้เสียหายหนักหน่วงรุนแรงอีกครั้ง
จากการยึดทำเนียบ และปิดสนามบินของม็อบพันธมิตร
ภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม การส่งออก การท่องเที่ยว พังพินาศมาจนถึงทุกวันนี้!
เวลานั้นรับรู้กันถึงความไม่ปกติธรรมดาของม็อบพันธมิตร
ถึงขนาดรมต.บางคนขนานนาม "ม็อบมีเส้น"?
แต่ต้องไม่ลืมความไร้ประสิทธิภาพของผู้รับผิดชอบด้วยเช่นกัน
ผู้นำประเทศขณะนั้นไม่สามารถบริหารจัดการปัญหาได้
ปล่อยทำเนียบถูกยึด ปล่อยสนามบินถูกปิด!!
บ้านเมืองมีกฎหมายก็เหมือนไม่มี มีพนักงานเจ้าหน้าที่ก็เหมือนไม่มี
ใครใคร่บุก-บุก ใครใคร่ยึด-ยึด ใครใคร่ปิด-ปิด
วันนี้เมื่ออำนาจเปลี่ยนขั้ว ความรับผิดชอบเปลี่ยนมือ
รัฐบาลใหม่ตั้งนายกษิต ภิรมย์ พระเอกเวทีพันธมิตร เป็นรมว.ต่างประเทศ
ทำหน้าที่แม่งานใหญ่อาเซียนซัมมิต
กอบกู้หน้าตาประเทศ
ด้วยอาหารดี ดนตรีไพเราะ!?