หากเป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พูด รัฐบาลไม่มีความคิดจะเสนอกฎหมายปรองดองแห่งชาติเพื่อที่จะนิรโทษกรรมนักการเมืองที่โดนผลกระทบจากเหตุการณ์ปฏิวัติ 19 กันยายน 2549
รัฐมนตรีมหาดไทย คุณชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นแกนสำคัญในพรรคร่วมรัฐบาล เคยประกาศเห็นด้วย ก็กลับลำบอกว่าไม่สนับสนุนแล้ว บอกว่าที่เชียร์เพราะการนิรโทษกรรมนักการเมืองที่ถูกตัดสิน 5 ปี ไม่เกี่ยวกับคดีความต่างๆ และวิปของรัฐบาลรวมไปถึงพรรคร่วมฝ่ายค้านต่างก็ถอยกรูดหลายก้าว
แปลว่าการโยนหินถางทาง ของคนสนิทชิดเชื้อคุณทักษิณ ชินวัตร โดยเฉพาะในพรรคเพื่อไทยฝ่ายค้านนั้น รู้ว่าการเดินหน้าเรื่องนี้คงรังแต่จะสร้างความเสียหาย ทำให้ประชาชนมองว่าต่อสู้เพื่อคนคนเดียวแทนที่จะร่วมกันแก้วิกฤติเศรษฐกิจของประเทศชาติ
จากนี้ไปประเด็นเรื่องนิรโทษกรรมให้คุณทักษิณ หรือนักการเมืองที่ถูกห้ามเล่นการเมือง 5 ปี เพราะพรรคการเมืองของตนถูกศาลตัดสินว่าได้ทำผิดกฎหมาย และตัวเองเป็นกรรมการบริหารของพรรค ตามรัฐธรรมนูญท่านทั้งหลายต้องรับผิดชอบ
เลิกคิด ว่าจะแอบไปซ้อนวาระต่างๆ ในการกระทำเพื่อคุณทักษิณ และพรรคพวกตัวเองได้แล้ว หันมาประกาศกับประชาชนว่า จะปฏิรูปการเมืองอย่างจริงจังกันอย่างไร
ปฏิรูปการเมืองแปลว่า
ทำให้กติกาการเมืองนั้นมีความเข้มข้น ล้างมลทิน ทำให้การเมืองที่สกปรก ภาพลักษณ์ของนักการเมืองที่แสนแย่ คอรัปชั่นเต็มบ้านเต็มเมืองนั้นหยุดได้อย่างไร นี่คือวาระระดับชาติที่ประชาชนคาดหวังทั้งจากรัฐบาลและจากพรรคฝ่ายค้านวันนี้
โดยเฉพาะในภาวะที่เราจะต้องฟันฝ่าข้ามวิกฤติเศรษฐกิจให้ได้นั้น ใครก็ตามแต่ที่ยังเล่นการเมืองอยู่ไม่ว่าในสภา นอกสภา ฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาลจะถูกประชาชนประฌาม
ฝ่ายค้านต้องทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ เพื่อดูว่ามาตรการวิกฤตินั้นทำได้หรือไม่ได้ ทำไม่ได้ต้องทำอย่างไร
ถ้าหากอภิปรายไม้ไว้วางใจรัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ ต้องอภิปรายประเด็นเศรษฐกิจเป็นหลัก เพราะว่านี่คือจุดตัดสินว่าคุณอภิสิทธิ์สามารถฟันฝ่าอุปสรรคอันสำคัญ สมกับที่ประชาชนไว้วางใจให้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่
และฝ่ายค้านหากผู้นำคือคุณเฉลิม อยู่บำรุง หรือคุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ต้องพิสูจน์วิสัยทัศน์ว่า วิกฤติเศรษฐกิจปัจจุบันแก้อย่างไร ไม่ใช่มาแสดงฝีไม้ลายมือในการเล่นเกมการเมืองอย่างที่เห็นกันวันนี้