นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ
โฟนอินในงานรวมพลคนเสื้อแดง โดยย้ำว่าจะกลับมาประเทศไทย เพื่อทวงความยุติธรรมกลับคืนว่า คำพูดดังกล่าวได้ทำให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทยฮึกเหิม ที่จะเดินหน้าต่อสู้ทางการเมืองต่อไป และเป็นการตอกย้ำว่านายใหญ่จะกลับมาประเทศไทยอย่างแน่นอน ในช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อต่อสู้ทางการเมือง และเป็นนายกฯอีกครั้งตามที่ประชาชนเรียกร้อง แค่นายใหญ่ส่งเสียงมา รัฐบาลก็ดิ้นพล่าน พรรคประชาธิปัตย์ กองทัพ พรรคภูมิใจไทยและกลุ่มพันธมิตรฯ แสดงอาการปากกล้าขาสั่น กลัวว่าท่านกลับมาแล้ว ส่วนกรณีกลุ่มพันธมิตรฯจะเดินสายจัดกิจกรรมที่ภาคเหนือ ที่ จ.เชียงใหม่ เชียงราย ลำปางและพะเยานั้น ขอให้รีบไปเร็ว เพราะพวกเสื้อแดงรอรับมืออยู่แล้ว ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มพันธมิตรฯ และพลเสื้อแดง ได้ทำสถานการณ์การเมืองร้อนแรงขึ้น เชื่อว่าอีกไม่นาน จะต้องเกิดสงครามกลางเมืองแน่ เพราะต่างฝ่ายต่างๆไม่ยอมซึ่งกันและกัน
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และคณะทำงานฝ่ายการเมืองพรรคเพื่อไทย
แถลงว่า กรณีที่กองทัพออกมาปฏิเสธว่า โครงการ 2 พันล้านบาทเพื่อสร้างความสมานฉันท์ ไม่ได้หวังผลทางการเมือง แต่เป็นการสู้วิกฤติเศรษฐกิจด้วยเศรษฐกิจพอเพียงนั้น เรื่องนี้ได้มีผู้หวังดีในกระทรวงกลาโหม ได้ส่งเอกสารลับมากมาให้ 1 ชุด มีเนื้อหาสรุปผลการประชุมโครงการสู้วิกฤติเศรษฐกิจด้วยเศรษฐกิจพอเพียง เมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา
มีข้อสังเกตสำคัญหลายประการ เช่น การแบ่งพื้นที่รับผิดชอบออกเป็น 3 ระดับ คือ พื้นที่เพ่งเล็ง พื้นที่สนใจ และพื้นที่ปกติ
น่าสงสัยว่ากองทัพมีหลักเกณฑ์กำหนดพื้นที่ และการกำหนดหลักเกณฑ์ ในการแบ่งระดับภาวะเศรษฐกิจของแต่ละพื้นที่อย่างไร ตามที่กองทัพกล่าวอ้างว่า แผนดังกล่าวเป็นการให้ความรู้ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เท่าที่ดูกิจกรรมบางอย่าง เช่น การจัดคอนเสิร์ตรักชาติหรือวงดุริยางค์ ไม่ได้เกี่ยวกับการสู้วิกฤติเศรษฐกิจ ดังนั้นเชื่อไม่ได้เลยว่าภารกิจของกองทัพ มีเป้าหมายตรงตามชื่อของโครงการ แต่น่าจะเป็นภารกิจเพื่อปลุกระดมความคิดมวลชน เพื่อหวังผลทางการเมืองมากกว่า จึงกล่าวได้ว่ากรณีงบ 2 พันล้าน เป็นพฤติกรรมอำพราง ซ่อนเงื่อน และไม่ยุติธรรมต่อประชาชน
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน กล่าวว่า ได้แจ้งความจำนงต่อประธานวิปฝ่ายค้าน เพื่อยื่นกระทู้ถามสดต่อ รมว.กลาโหม
แต่หากไม่ทันจะยื่นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในส่วนของความเคลื่อนไหวเสื้อแดงนั้น ยืนยันจะชุมนุมในวันที่ 24 ก.พ. เวลา 09.00 น. และจะเคลื่อนขบวนไปทำเนียบฯในเวลา 10.00 น. แต่จะไม่ขัดขวางการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่ารัฐบาลเตรียมกำลังตำรวจทหารไว้หลักหมื่นเพื่อสกัดกั้น นายณัฐวุฒิตอบว่า มีคนบุกปิดล้อมสนามบินและทำเนียบ มีการเตรียมกำลังแค่ 1 กองร้อย แต่คนจะไปชุมนุมนอกทำเนียบฯไม่ได้บุกเข้าไปใช้กำลังมากขนาดนั้น จะได้เห็นกันไปว่าเป็นอย่างไร กฎหมายต้องบังคับใช้กับทุกคน ถึงจะเรียกว่ากฎหมาย ถ้าใช้กับบางคนเรียกกดหัว แต่สังคมไทยจะไม่มีใครยอมถูกกดหัวตลอดไปคนเสื้อแดงนัดชุมนุมคนจน 19 ก.พ.
ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ แกนนำ นปช. ภาคประชาชน นำโดยนายจรัล ดิษฐาอภิชัย อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ
ได้ร่วมกันแถลงข่าวว่า ทันทีที่พรรคประชาธิปัตย์ได้เข้ามาบริหารประเทศ ปรากฏว่าภาวะเศรษฐกิจประเทศไทยถดถอยอย่างรุนแรง ส่งผลให้มีการว่างงานเพิ่มสูงขึ้นถึง 2 ล้านคน แม้ว่ารัฐบาลจะอนุมัติจัดสรรงบประมาณกลางปี 2552 พร้อมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 116,700 ล้านบาท แต่ก็เป็นแค่มาตรการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เอื้อประโยชน์เฉพาะกลุ่มคนใกล้ชิดรัฐบาล ขณะเดียวกันการจัดทำโครงการประชานิยม ในลักษณะของการแจกเงิน 2,000 บาท ช่วยเหลือเพียงผู้มีรายได้น้อยโดยการจ่ายเพียงครั้งเดียวนั้น แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลละเลยคนยากจนและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจตกต่ำ ได้แก่ผู้ว่างงานและผู้จบใหม่ 2.7 ล้านคน แม่ค้าหาบเร่แผงลอย แท็กซี่ สามล้อ และกลุ่มผู้ยากไร้ที่มีจำนวนกว่า 6 ล้านคนทั่วประเทศ
ดังนั้น นปช.จึงต้องจัดชุมนุมพลคนเดือดร้อน ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากนโยบายเศรษฐกิจของรัฐ รวมถึงคนว่างงานและผู้ยากไร้ เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมในการแก้ปัญหาปากท้องจากรัฐบาล ที่ท้องสนามหลวง ในวันที่ 19 ก.พ.นี้ เวลา 17.00 น. และจะชุมนุมไปเรื่อยๆจนถึงการชุมนุมใหญ่ เพื่อยกพลปิดล้อมทำเนียบในวันที่ 24 ก.พ.นี้
โฟนอินนายใหญ่ทำลูกพรรคฮึกเหิม
เครดิต : ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!