อีกประการ ก็ต้องการตอกย้ำว่ามีคดีล่าช้าหรือไม่คืบหน้า อาจเป็นเพราะมีคนในรัฐบาลชุดที่แล้วมีเอี่ยวเกี่ยวข้องกับคดีความด้วย
ยิงนกทีเดียวได้ 2 ตัว!
เช่นกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี สั่งรื้อ 4 คดีสำคัญ อาทิ คดีฆ่าฝรั่งสแตมฟอร์ดที่หัวหิน, คดีสังหารชิปปิ้งหมู, คดีอุ้มทนายสมชาย นีละไพจิตร และคดีซาอุฯ
ซึ่งก็เห็นผลทันตาทันที 1 คดี มีการจับกุมมือปืนและผู้จ้างวานสังหารฝรั่งสแตมฟอร์ด
ส่วนคดีที่เหลือยังนัวเนียอยู่ คดีสังหารชิปปิ้งหมูที่เชียงรายก็โดนนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ออกมาโวยวายว่ารัฐบาลพยายามป้ายสีโยนความผิดให้
ซัดพล.ต.ท.นายหนึ่งว่าสร้างหลักฐานปรักปรำ
คดีทนายสมชาย ความจริงแล้วกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทำคดีนี้มาตั้งแต่แรกๆ กระทั่งมีการจับกุมดำเนินคดีนายตำรวจ 4 นาย และคดีก็ยังอยู่ในชั้นศาล
แต่เมื่อนายกฯมาร์คมีคำสั่งรื้อคดี ก็มีแอ๊กชั่นให้เห็นทันใจเหมือนกัน พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.นิติวิทยาศาสตร์ พารมว.ยุติธรรมไปเก็บกระดูกที่ราชบุรี ฟันธงเปรี้ยงเป็นกระดูกทนายสมชาย
สุดท้ายต้องจ๋อย เพราะผลตรวจดีเอ็นเอออกมาแล้วไม่ใช่
ถ้ารอบคอบกันอีกนิด ทำงานแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ต้องรีบออกข่าว น่าจะดีกว่านี้
ส่วนคดีสุดท้ายฆ่าเจ้าหน้าที่ทูตซาอุฯ และอุ้มนักธุรกิจซาอุฯ มีการรื้อใหม่ในยุครัฐบาลนายกฯสมชาย วงศ์สวัสดิ์ มอบหมายให้พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีดีเอสไอดำเนินการ
ดีเอสไอสืบสวนสอบสวนหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมมาตลอด ประสานข้อมูลอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลซาอุฯ จนคดีมีความคืบหน้าพอสมควร เพียงแต่ไม่เป็นข่าวออกมาเท่านั้น
ฉะนั้น การรื้อคดีซาอุฯ ก็ต้องยกเครดิตให้อธิบดีดีเอสไอ เพราะใกล้จะถึงจุดสำคัญเต็มที
ความจริงแล้ว คดีสำคัญๆ ที่ผ่านมา ไม่ได้มีแค่ 4 คดีนี้เท่านั้น นายกฯมาร์คน่าจะให้ความสำคัญกับคดีอื่นๆ เช่นคดีฆ่านักข่าวที่นครศรีธรรมราชที่ยังจับจอมบงการไม่ได้ แต่มีการเชื่อมโยงถึงนักการเมืองบางกลุ่ม
หรือคดีใหญ่ระเบิดกรุงเทพฯ 9 จุดคืนส่งท้ายปีเก่า 49 ต้อนรับปีใหม่ 50 ในยุครัฐบาลคมช.ที่มีพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกฯ
เป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน แถมในตอนนั้นยังมีการเด้งพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ พ้นเก้าอี้ผบ.ตร.ด้วยข้อกล่าวหาว่าทำคดีไม่คืบหน้า
มีการเปลี่ยนผบ.ตร.ไปแล้วถึง 2 คน แต่ก็ยังจับมือใครดมไม่ได้
รัฐบาลประชาธิปัตย์น่าจะสั่งรื้อคดีด้วย เผื่อจะได้เบาะแสอะไรใหม่ๆ ขึ้นมาบ้าง