สถานการณ์ช่วงนี้ถือเป็น"นาทีทอง"ของพรรคฝ่ายค้าน
เนื่องจากรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กำลังระส่ำจากสารพัดปัญหารุมเร้าทั้งภายในและภายนอก
การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่รัฐบาลพยายามปลุกปั้นให้เป็นผลงานชิ้นโบแดง
เอาเข้าจริงก็ยังไม่มีอะไรเป็นรูปธรรม
งบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.16 แสนล้านผ่านสภาไปแล้วแต่ยังต้องรอไปจนถึงเดือนหน้าเป็นอย่างน้อย กว่าเม็ดเงินจะกระจายลงไปสู่ระดับชาวบ้าน
ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าวิกฤตเศรษฐกิจจะพัฒนาขีดขั้นความรุนแรงอีกมากน้อยแค่ไหน
แต่เท่าที่เห็นตอนนี้คือเสียงเชียร์จากภาคนักธุรกิจที่เคยดังเจี๊ยวจ๊าว ในช่วงประชาธิปัตย์เข้ามาจัดตั้งรัฐบาล
ผ่านไปยังไม่ครบ 2 เดือน ปรากฏว่าเบาลงไปเยอะ
นอกจากนี้รัฐบาลยังออกอาการสะดุดขาตัวเองหลายเรื่อง
เริ่มตั้งแต่ปัญหาปลากระป๋องเน่า ที่ลุกลามจนต้องเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีผู้ดูแลรับผิดชอบ
ที่ยังมีเรื่องร้องเรียนติดตัว รอการชี้ขาดจากองค์กรอิสระก็อีกหลายคน อาทิ นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย และนายสุเทพ เทือกสุวรรณ รองนายกฯ เป็นต้น
การโยกย้ายข้าราชการ-ตำรวจแบบล้างบางทีใครทีมัน ถูกโจมตีว่าเป็นการกระทำสวนทางกับนโยบายสร้างความสมานฉันท์โดยสิ้นเชิง
ล่าสุดกรณีเงินบริจาค 250 ล้านบาท ที่ฝ่ายค้านนำมาเปิดโปง
ถึงจะเป็นเรื่องเก่าเกิดขึ้นมาหลายปี แต่ก็สร้างความกระสับกระส่ายให้พรรคประชาธิปัตย์พอสมควร
และที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์เสียเครดิตไปไม่น้อย
คือเรื่อง กกต.มีมติแจกใบแดงให้ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมส.ส.ของพรรคในเขต 1 สมุทรปราการ
อีกทั้งสดๆ ร้อนๆ กับการแจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อป.ป.ช. ที่พบว่ามีรัฐมนตรี 3 คนเข้าข่ายถือหุ้นเกินร้อยละ 5
ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อการดำรงตำแหน่งได้
ปมอื้อฉาวที่ผุดขึ้นราวดอกเห็ดนี้
ทำให้เริ่มมีการตั้งข้อสงสัยกันบ้างแล้ว ว่ารัฐบาลกำลังก้าวเข้าสู่ช่วงภาวะ"ขาลง"เร็วกว่าที่คาดคิดหรือไม่
แน่นอนว่าการที่รัฐบาลออกอาการไม่ค่อยดีแบบนี้ ผลดีย่อมตกอยู่กับฝ่ายค้าน
พรรคเพื่อไทยนั้นสืบสายพันธุ์จากพรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชน ผูกขาดเป็นรัฐบาลมายาวนานถึง 8 ปี ก่อนจะมาเป็นฝ่ายค้าน
บทบาทใหม่นี้จึงท้าทายความสามารถอย่างมาก
ถึงจะมี"ม็อบเสื้อแดง"เป็นกองกำลังคู่ขนาน คอยเคลื่อนไหวก่อกวนรัฐบาลอยู่นอกสภา
แต่การเมืองในยามปกติ รัฐบาล-ฝ่ายค้านต้องต่อสู้หักโค่นกันในสภาเท่านั้น ประชาชนถึงจะยอมรับ
ในจังหวะรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เผลอทำการ์ดตก เผยจุดอ่อนให้ฝ่ายค้านเห็นเต็มไปหมดเช่นนี้
จึงอยู่ที่ฝ่ายค้านพรรคเพื่อไทยจะฉวยโอกาสปล่อยหมัดเด็ดได้เข้าเป้าจังๆหรือไม่
อาวุธหนักและอันตรายของฝ่ายค้านที่ใช้ต่อสู้กับรัฐบาลมาทุกยุคทุกสมัย
คือการยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
จากสภาพของพรรคเพื่อไทยขณะนี้ สมาชิกที่ได้ชื่อว่าเจนจัดในเกมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลมากที่สุดก็คือร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง
และร.ต.อ.เฉลิมก็ไม่ทำให้พรรคผิดหวัง จากข้อมูลที่ได้มาเรื่องเงินบริจาคให้พรรคประชาธิปัตย์ 250 ล้าน
ร.ต.อ.เฉลิมแสดงความพร้อมที่จะยื่นญัตติเปิดอภิปรายนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 11 มี.ค.
แต่ปัญหาคือกติกาในการยื่นเปิดอภิปรายตัวนายกฯ กำหนดให้ฝ่ายค้านต้องเสนอชื่อคนที่จะเป็นนายกฯเข้าไปด้วย ซึ่งตามหลักการแล้วควรจะเป็นหัวหน้าพรรค
แต่เพราะนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคปัจจุบันไม่ได้เป็นส.ส. จึงเป็นนายกฯไม่ได้
พรรคเพื่อไทยจึงต้องเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ที่เป็นส.ส. มาทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้าน และสำหรับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ เพื่อให้การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ สมบูรณ์มากขึ้น
ตรงนี้เองที่ทำให้พรรคเพื่อไทยขัดแย้งกันเอง
การที่พรรคเพื่อไทยตกลงกันไม่ได้ว่าจะให้ใครเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ จนกระทบต่อแผนการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ ที่อาจต้องหยุดพักไว้ก่อน
เนื่องจากในพรรคมีผู้เสนอตัวเข้าช่วงชิงตำแหน่งหลายคน
นอกจากร.ต.อ.เฉลิม ที่ได้รับเสียงหนุนจากส.ส.ภาคอีสานจำนวนหนึ่ง
ยังมีพ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ที่แสดงความพร้อมจะทิ้งเก้าอี้รองประธานสภา เพื่อมานั่งเป็นหัวหน้าพรรคทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านเสียเอง
ขณะเดียวกันชื่อนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ที่เงียบหายไปนานก็ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงอีกครั้ง
หลังการประชุมพรรคล่าสุด ร.ต.อ.เฉลิมออกมาให้ข่าวว่า พรรคมีความพร้อมจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ วันที่ 11 มี.ค.นี้
แต่ปรากฏว่ามีส.ส.และแกนนำหลายคนออกมาปฏิเสธ
ยืนยันพรรคยังไม่ได้มีมติกำหนดวันตายตัว ว่าจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อไหร่ เพราะต้องรอตกลงกันให้ได้เสียก่อนว่าจะเลือกใครเป็นหัวหน้าพรรค
เพราะทั้งสองเรื่องมีผลเชื่อมโยงถึงกัน
อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ ถึงแม้ว่าร.ต.อ.เฉลิมจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านได้อย่างดุดัน แต่การจะเสนอชื่อใครเป็นนายกฯ นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ช่วงนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ หลุดจากเก้าอี้นายกฯ แล้วมีการพยายามเสนอชื่อบุคคลที่สังคมไม่ยอมรับขึ้นมาเป็นนายกฯแทน
จนทำให้พรรคร่วมรัฐบาลขณะนั้นไม่ยอมรับไปด้วย และได้แปรพักตร์หันมาจับขั้วกับพรรคประชาธิปัตย์
ผลักดันนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขึ้นเป็นนายกฯ
ครั้งนั้นนายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์เลยได้รับประโยชน์ไปเต็มๆ
ครั้งนี้จึงต้องจับตาดูกันต่อไป ว่าความขัดแย้งในการช่วงชิงอำนาจการนำในพรรคเพื่อไทย จะทำให้รัฐบาลและนายอภิสิทธิ์ได้รับประโยชน์ซ้ำสอง
หลุดรอดจากการถูกตรวจสอบหรือไม่



กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
























กระทู้ล่าสุด


รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
















































Love illusion ความรักลวงตา เพลงที่เข้ากับสังคมonline
Love illusion Version 2คนฟังเยอะ จนต้องมี Version2กันทีเดียว
Smiling to your birthday เพลงเพราะๆ ไว้ส่งอวยพรวันเกิด หรือร้องแทน happybirthday