วันนี้(13 ก.พ.) เวลา 09.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่รัฐสภามีการประชุมวุฒิสภา โดยนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม ซึ่งนายประสพสุขได้แจ้งที่ประชุมว่าบัดนี้ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งได้รับคำร้องที่กกต.มีมติเพิกถอนสิทธิ์นายเรือไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหาโดยให้ไปสรรหาใหม่แล้ว
นอกจากนั้นเนื่องในเทศกาลวันวาเลนไทน์แม้จะเป็นเทศกาลของฝรั่ง แต่ก็ขอส่งความรักความปรารถนาดีให้ทุกคน ให้มีความความรักต่อกันและกัน ซึ่งนายประสพสุขได้นำดอกกุหลาบสีชมพูมาวางไว้ที่บริเวณประตูทางเข้าอาคารรัฐสภาชั้นสองด้านหน้าห้องประชุมเพื่อมอบให้กับส.ว.ทุกคนด้วย จากนั้น นายกฤช อาทิตย์แก้ว ส.ว.กำแพงเพชร ได้ตั้งกระทู้ถามด่วน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายปลัดกระทรวงมหาดไทยว่า อยากทราบเหตุผลที่แท้จริงของการโยกย้าย นายพีรพล ไตรทศวิทย์ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย มาเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ทั้งที่นายพีรพลเพิ่งได้รับแต่งตั้งเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยตามมติครม.เมื่อวันที่ 26 ส.ค.2551เท่านั้นและมีประวัติเป็นข้าราชการที่ดีและมีผลงานมากมาย
สุเทพซีด!สว.จี้ย้ายปลัดมท. กลั่นแกล้งเหตุผลฟังไม่ขึ้น
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะเป็นผู้เสนอให้โยกย้ายนายพีรพล ชี้แจงว่าการโยกย้ายนายพีรพลเป็นไปตามข้อเสนอของตนที่เสนอต่อนายกฯ ซึ่งเหตุผลระบุชัดว่าเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการ
เพราะที่ผ่านมารัฐบาลพยายามปฏิตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา โดยเฉพาะการทำให้สังคมไทยกลับสู่ความสามัคคีและความสงบสุข เพราะได้ตระหนักดีว่าสังคมไทยเกิดความขัดแย้งแตกแยกทางความคิดทำให้เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินนโยบายเร่งด่วน ส่งผลกระทบต่อการกินดีอยู่ดีและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชร รวมถึงทำให้ปัญหายาเสพติดขยายตัวมากขึ้น รองนายกฯ ชี้แจงอีกว่า รัฐบาลยังได้พยายามเร่งรัดที่จะยุติปัญหาการเมืองและได้วางแนวทางไว้หลายประการอาทิ
1.ปกป้องสถาบันและเทิดทูนสภาบันไว้เหนือความขัดแย้งทุกรูปแบบและทำทุกวิถีทางป้องกันมิให้มีการละเมิดสถาบัน
2.มุ่งสร้างความปรองดอก สมานฉันท์บนพื้นฐานความถูกต้อง
3.ดำเนินนโยบายให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างยั่งยืน
4.พัฒนาประชาธิปไตยและระบบการเมืองให้มั่นคง บังคับใช้กฎหมายบนความเสมอภาคและเป็นธรรมแก่สังคม นายสุเทพ ชี้แจงต่อว่า การเร่งที่จะดำเนินนโยบายเร่งด่วนดังกล่าวทำให้รัฐบาลต้องใช้บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถมาช่วยปรึกษาข้อราชการแก่นายกรัฐมนตรี และได้ตระหนักว่านายพีรพลน่าจะมีคุณสมบัติเหมาะสมเพราะเป็นผู้มีผลงานมาอย่างมากมายหลายด้าน ขณะเดียวกันก็ได้ปรึกษากับกระทรวงมหาดไทยแล้วเห็นว่าการย้ายนายพีรพลมาช่วยงานในฐานะที่ปรึกษาให้แก่นายกรัฐมนตรีนั้น ไม่กระทบต่องานของกระทรวงมหาดไทยเพราะกระทรวงมหาดไทยเองก็มีผู้มีความรู้ความสามารถจำนวนมากมาแทนนายพีรพลได้
จากนั้นนายกฤต ได้ถามต่อว่า เป็นข้าราชการกระทรวงมหาดไทยมาก่อนรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร ขณะนี้ขวัญกำลังใจของข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่เสียไปแล้ว จึง
อยากทราบว่ารัฐบาลจะทำอย่างนี้อีกหรือไม่เพราะสาเหตุที่นายสุเทพอ้างว่านายพีรพลทำงานเก่งจึงขอมาช่วยงานที่สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรีนั้น ทำให้เชื่อโดยบริสุทธ์ใจว่านายพีรพลถูกกลั่นแกล้ง เพราะรัฐบาลเพิ่งเข้ามาบริหารงานได้เพียง 3 อาทิตย์ได้สัมผัสการทำงานของนายพีรพลดีแล้วหรือว่าเป็นอย่างไร เชื่อว่ารัฐบาลเองยังไม่เคยสั่งให้นายพีรพลทำอะไรและนายพีรพลก็ยังไม่เคยได้ทำอะไรด้วย จึงเป็นที่หวาดหวั่นของข้าราชการว่าวันใดพอรัฐบาลขึ้นมามีอำนาจก็จะย้ายข้าราชการประจำที่ทำงานสนองต่อฝ่ายบริหารอยู่แล้ว ซึ่งเคยหวังว่าวงจรอุบาทว์แบบนี้จะหมดไปเสียที แต่พอมีคำสั่งดังกล่าวทำให้สิ้นหวัง และไม่เชื่อที่นายสุเทพพูดว่าจะใช้ประโยชน์จากความรู้ความสามารถของนายพีรพลจะเป็นจริง
ขอย้ำว่ารัฐบาลยังมีโอกสคิดใหม่ ควรเมตตาข้าราชการทั่วประเทศด้วยเพราะไม่มีใครคิดอยากสู้รบตบมือกับรัฐบาลชุดไหนทั้งนั้น นายกฤต ถามว่าอีกว่า ที่ระบุว่านายวิชัย ศรีขวัญ ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยมีอาวุโสสูงสุดนั้น คนที่อยู่ในกระทรวงมหาดไทยฟังแล้วได้แต่หัวเราะ แต่จะไม่ไปโทษรมว.มหาดไทยที่เป็นเอกชนมาก่อนคงไม่รู้ข้อเท็จจริง ต้องโทษที่ปรึกษาที่ชงเรื่องขึ้นมามากกว่า
ด้านนายสุเทพ ชี้แจงตอบโต้ว่า ไม่ได้กลั่นแกล้งใครอย่างที่ท่านเข้าใจ เพราะไม่มีเหตุผลอะไรและไม่เคยทราบมาก่อนว่นายพีรพลเป็นคนของฝ่ายค้าน พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยคิดสร้างวงจรอุบาทว์แก่ข้าราชการ
ขอแค่ให้ข้าราชการเป็นข้าราชการที่ดี อย่าได้ไปรับใช้นักการเมือง ทั้งนี้จากการตรวจสอบและมีเอกสารจากกระทรวงมหาดไทยยืนยันเรื่องความอาวุโสโดยคิดจากการดำรงตำแหน่งข้าราชการระดับ10พบว่านายวิชัย ศรีขวัญ และนายสมพร ใช้บางยาง ดำรงตำแหน่งข้าราชการระดับ10มาตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2544 จึงถือว่าอาวุโสสูงสุด ซึ่งรัฐบาลได้ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญทุกอย่าง กรณีนี้ก็จะนำความขึ้นกราบบังคมทูลฯให้นายพีรพล พ้นจากตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยและโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง นายวิชัย เป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยต่อไป
นายสุเทพ ชี้แจงเพิ่มเติมว่า จำเป็นต้องสร้างทีมขึ้นมาทำงานเพื่อให้บรรลุนโยบายเร่งด่วน และตั้งใจจะหาคนดีๆมีฝีมือมาร่วมทีมอีกหลายคน ถ้ามีการโยกย้ายขึ้นอีกก็ด้วยเหตุนี้เท่านั้น
ขอย้ำว่าตนไม่เคยจองเวรหรืออาฆาตผู้ใดเพราะไม่เคยรู้จักกับนายพีรพลมาก่อนเพียงแต่ทราบประวัติและผลงานเท่านั้นจึงเชื่อว่าจะช่วยชาติได้ แต่ถ้านายพีรพลคิดเป็นอื่นก็ต้องไปปรับความคิดกันใหม่ ทั้งนี้เมื่อนายสุเทพชี้แจงจบ นายกฤต ได้ลุกขึ้นสวนทันทีว่า ที่รองนายกรัฐมนตรีนำเอกสารมาอ่านความเป็นผู้มีอาวุโสในกระทรวงมหาดไทยนั้น ก็คงจะไม่โทษตัวรัฐมนตรีที่อาจไม่รู้เรื่อง แต่รองนายกรัฐมนตรีต้องลงโทษคนที่เสนอรายชื่อเหล่านั้นเพราะที่รองนายกฯกล่าวมาไม่ใช่ผู้มีอาวุโสสูงสุดจริง โดยผู้มีอาวุโสสูงสุดของกระทรวงมหาดไทยขณะนี้คือนายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันบรรเทาสาธารณภัย ที่เป็นข้าราชการซี10มาตั้งแต่ปีพ.ศ.2537 จึงขอให้ไปตรวจสอบความถูกต้องด้วย ทั้งนี้ทันทีที่นายกฤตกล่าวจบทำให้นายสุเทพสีหน้าไม่สู้ดี