แม้จะได้กำลังใจดีจากนายใหญ่ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ลงทุนออกโรงประกาศศึกชักธงรบด้วยตัวเองจากการโฟนอินข้ามประเทศอย่างต่อเนื่อง
พร้อมๆ กับส่งตัวตายตัวแทน “เครือญาติตระกูลชินวัตร” เข้าบัญชาการรบที่อาคารชินวัตรไหมไทย หวังพลิกฟื้นวิกฤติจากเกมชิงอำนาจในอนาคตอันใกล้นี้
จนทำให้บรรดาพลพรรคเพื่อไทยอยู่ในอาการเครื่องร้อน ตั้งแท่นเดินเกมถล่มรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์อย่างต่อเนื่อง
ไม่ว่าจะเป็นการเปิดประเด็นร้อนกรณีปลากระป๋อง งบกองทัพจำนวนสองพันล้านบาทในโครงการสร้างความสมานฉันท์ จนสร้างแรงสะเทือนให้แก่รัฐบาลไปได้ในระดับหนึ่ง
ล่าสุดประกาศเดินเครื่อง กำหนดวันยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลปชป.เป็นวันที่ 11 มีนาคมนี้
ที่ถือเป็นการเปิดเกมเชือดรัฐบาลประชาธิปัตย์ แบบติดจรวดทันทีหลังหมดช่วงเวลาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์
โดยเพิ่มประเด็นเก่าเก็บนายกฯ หนีทหาร สลับสับเปลี่ยนกับปมร้อนการเจรจาเงินกู้ญี่ปุ่น 3 พันล้านบาท ที่อาจเข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ลามไปถึงประเด็นฟอกเงินของคนในพรรคปชป. ...!!!
จุดพลุ “ข้อหาทุจริตควบคู่ไปกับจริยธรรม” เป็น "ไม้ตาย" น็อกให้รัฐบาลต้องลงไปจากอำนาจก่อนเวลาอันควร
แต่ในมุมหนึ่ง หากมองลงไปถึง ข้อกำหนดทางกฎหมายที่การยื่นญัตติซักฟอกจะต้อง แนบรายชื่อบุคคลที่มาเป็นนายกฯ แทนด้วย
ที่เท่ากับเป็นการบีบพรรคเพื่อไทยทางอ้อม เพราะหากสำรวจสถานการณ์ภายในพรรคขณะนี้ ซึ่งอยู่ในสภาพ "ไร้หัว-ขาดตัวผู้นำ” ที่จะเป็นสายตรง "นอมินี” ของ ”ทักษิณ” เหมือนในยุคของ “สมัคร สุนทรเวช“ และ ”สมชาย วงศ์สวัสดิ์”
มีเพียงหัวหน้าพรรคขัดตาทัพอย่าง ”ยงยุทธ วิชัยดิษฐ” ที่ไร้บทบาทและบารมีในพรรคอย่างชัดเจน
ตอกย้ำจุดอ่อนของพรรคเพื่อไทย ในสภาวะที่ต้องเปิดเกมช่วงชิงอำนาจต่อสู้กับรัฐบาลประชาธิปัตย์อย่างเต็มกำลัง
แม้ล่าสุดมีการเสนอส.ส.ในพรรคมาเป็นแคนดิเดต 3 คน ได้แก่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน และประธานส.ส.พรรค มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน และ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย นั้น
ที่มีเสียงแว่วด้วยความกังวลจากบรรดาแกนนำสายตรงชินวัตรส่วนใหญ่ อย่าง สมชาย และ "เจ๊แดง" เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ พายัพ ชินวัตร "เจ๊ปู” น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตกรรมการบริหารพรรค
ที่เข้ามาช่วยเป็นมือเป็นเท้าให้ “พี่ใหญ่ทักษิณ” ผนึกกำลังดูแลส.ส. และบัญชาการรบ
หลังจากก่อนหน้าแกนนำสายตรงชินวัตรได้เข้ามาจัดการเพื่อจัดเตรียมปรับโครงสร้างพรรคใหม่ทั้งหมด
ล่าสุดแกนนำสายตรงชินวัตรต่างก็กังวลกับปัญหาดังกล่าว โดยมองตรงกันว่า รายชื่อแคนดิเดตทั้ง 3 คน
ล้วนยังไม่มีความเหมาะสม โดยราย "สิงห์เหลิม” ถูกมองว่า ยังบารมีไม่ถึง ขาดการยอมรับจากส.ส.ในพรรค...!!!
อีกทั้งยังชอบทำงานแบบ ”วันแมนโชว์” จนทำให้ส.ส.ส่วนหนึ่งต่อต้านการเข้ามาชุบมือเปิบของ “เฉลิม”
ตลอดจน "คุณสมบัติด้านความไว้วางใจ" ที่ถูกมองว่า อาจซ้ำรอยกรณีเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย หัวหน้ากลุ่มเพื่อนเนวิน ที่สุดท้ายกลายเป็นกลุ่มงูเห่า แว้งกัด "นายใหญ่"
เพราะเดิมทีเดียว “เฉลิม” ถูกวางตัวให้เป็นแค่ "ขุนพลแนวหน้า" คอยทำหน้าที่ "ปะ ฉะ ดะ" กับฝ่ายค้าน
ขณะที่รายของ "มิ่งขวัญ-อภิวันท์" ก็ยังเป็นแค่รายชื่อ ที่ส.ส.เสนอขึ้นมาเป็นพิธี แต่เอาเข้าจริงยัง "ไม่มีสัญญาณตอบรับ" จากกลุ่มสายตรงชินวัตร และส.ส.ในพรรคอย่างเอกฉันท์...???
ยิ่งเมื่อดูจาก ”ตัวเลือก” ที่มีอยู่ในพรรค บนโจทย์กฎเหล็กของรัฐธรรมนูญที่ ”นายกฯ ต้องเป็นส.ส.” ด้วยแล้ว
ต้องยอมรับว่า "สเปกนายกฯ พรรคเพื่อไทย" หาตัวยากยิ่งกว่า "งมเข็มในมหาสมุทร"
หากดูจากที่ผ่านมา ล้วนเป็นประเภท "ดีเด่นดัง" ซึ่งก็ต้องเป็น "สายตรงคุณขอมา" ที่ ”ทักษิณ” สามารถ “ควบคุมได้” ที่งานนี้สุดท้ายคงต้องขึ้นอยู่กับการชี้ขาดของ ”ทักษิณ” เพียงคนเดียว
โดยเฉพาะยิ่งในสถานการณ์ที่ตกเป็นรองพรรคประชาธิปัตย์ด้วยยิ่งต้องมองยาวถึงคุณสมบัติ ที่สังคมจะต้องยอมรับ และสามารถกู้วิกฤติให้พรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาลได้อีกครั้ง
เพราะหาก "หงายหน้าไพ่" ออกมาแล้วถูก "สังคมยี้" จนแนวร่วมหดหาย ก็จะตกอยู่ในอาการน่าเป็นห่วง
ฉุดให้ "อาการขาดหัว ไร้หาง" สุ่มเสี่ยงต่อการแพแตกรอบสอง ต้องอยู่ในสภาพทรุดฮวบลงไปกว่าเดิมอย่างมิพักหลีกเลี่ยง...!!!