สถาบันศึกษาการพัฒนาประชาธิปไตยสัมมนา"จะคืนความเป็นนิติรัฐสู่สังคมไทยได้อย่างไร" โดย"จาตุรนต์"ระบุรัฐบาลประชาธิปัตย์ย์อ่อนแอ-คอรัปชั่นมาก
ที่ห้องราชาวดี โรงแรมเรดิสัน ถ.พระรามเก้า วันที่ 9 ก.พ.52 เวลา 14.00 น. สถาบันศึกษาการพัฒนาประชาธิปไตย จัดสัมมนาเรื่อง"จะคืนความเป็นนิติรัฐสู่สังคมไทยได้อย่างไร" โดยมีนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และรักษาการประธานสถาบัน ฯ , นายคณิน บุญสุวรรณ อดีต สสร. , นายสมชาย ปรีชาศิลปะกุล คณะนิติศาสตร์ ม.เชียงใหม่ และนายธีระ สุธีวรางกูร คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ร่วมเป็นวิทยากร
โดยนายจาตุรนต์ กล่าวว่า นิติรัฐ คือ ระบบการปกครองที่รัฐยึดถือระบบกฎหมายในการปกครอง โดยอำนาจอยู่ที่กฎหมาย ไม่ใช่อยู่ที่คน
ซึ่งรัฐต้องยึดถือรัฐธรรมนูญ ทำให้ประชาชนได้รับการคุ้มครองโดยเสมอภาคตามกฎหมาย ขณะที่ศาลต้องมีความอิสระ และที่สำคัญกระบวนการออกกฎหมายต้องทำโดยถูกต้อง ไม่มีการบังคับใช้ย้อนหลังจนทำให้เกิดความไม่เป็นธรรม โดยที่ผ่านมาแม้ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองมา 76 - 77 ปี แต่ก็ประเทศก็ยังไม่ถือว่า เป็นนิติรัฐตามความหมายดังกล่าว
"เพราะในการปกครองมีรัฐประหารถึง 19 ครั้ง ซึ่งสิ่งที่ร้ายแรงที่สุด คือหลังการรัฐประหาร 19 ก.ย.49 ก็ยังทำให้เห็นว่าหลักนิติรัฐหายไปอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยเมื่อไม่มีนิติรัฐแล้ว ก็ทำให้ ไม่มีการยึดหลักนิติธรรม แล้วเกิดปัญหามีอำนาจของรัฐาธิปัตย์หลังการยึดอำนาจ รวมทั้งเกิดกระบวนการตั้งคณะตรวจสอบกับผู้ที่ถูกโค่นล้มอำนาจ โดยไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม เพราะมีการแต่งตั้งบุคคลที่ไม่ใช่ศาล แต่เป็นลูกน้องของผู้ยึดอำนาจขึ้นมา รวมทั้ง เกิดการตัดสินลงโทษในแบบที่ทำลายสิทธิการให้การของผู้ถูกกล่าวหา เช่นกรณียุบพรรค ที่นำมาสู่ตุลาการภิวัฒน์ ซึ่งทำให้เกิดกระบวนการที่มีการเปลี่ยนแปลงมติของประชาชนทั้งประเทศ ทำลายหลักประชาธิปไตย เกิดกลไกล้มรัฐบาลเดิม แล้วบีบ และเกลี้ยกล่อมให้มีรัฐบาลใหม่ไปในทิศทางที่ต้องการ" นายจาตุรนต์ กล่าว
ทั้งนี้ นายจาตุรนต์ กล่าวถึงการคืนความเป็นนิติรัฐว่า ตนคิดว่าจำเป็นที่สังคมไทยต้องเรียนรู้ทำความเข้าใจเรื่องนี้
เพราะเป็นเรื่องที่ประเทศพัฒนาแล้วเข้าใจและปฏิบัติมาช้านานแล้ว จำเป็นที่ต้องมีกระบวนการเคลื่อนไหวผลักดันขององค์กรวิชาการ องค์กรประชาธิปไตยและในรัฐสภา โดยชี้ปัญหาข้อบกพร่องจากความไม่เป็นนิติรัฐ เพื่อให้เกิดการแก้ปัญหา ขณะที่เรื่องของตุลาการภิวัฒน์ต้องมีการทบทวนแนวคิดเรื่องดังกล่าว ซึ่งจะต้องยุติความเป็นตุลาการภิวัฒน์ที่ถูกบิดเบือนไปมากแล้ว และจัดทำโครงสร้างตุลาการเสียใหม่ตามหลักปราชิปไตย คือ ฝ่ายตุลาการที่ต้องมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับประชาชนที่จะถูกตรวจสอบได้เพื่อให้เกิดความเป็นอิสระ ขณะที่การดำเนินคดีต่างๆ ต้องมีการใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน เช่น กรณีการดำเนินคดีบุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิ
นายจาตุรนต์ กล่าวด้วยว่า ภาวะเศรษฐฏิจที่มีปัญหา จะช่วยให้ประชาชนเข้าใจและเรียนรู้ได้ว่ารัฐบาลที่ไม่ได้มีที่มาจากประชาธิปไตยนั้นแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้
โดยเมื่อประชาชนอยากเปลี่ยนเป็นพรรคอื่นก็ไม่ได้ เพราะพรรคถูกยุบหมด โดยกลไกของรัฐธรรมนูญ ซึ่งสุดท้ายก็ต้องมาพูดถึงเรื่องไม่เป็นประชาธิปไตย โดยส่วนตัวเชื่อว่า รัฐบาลจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาวิกฤติได้ เพราะปัญหารุนแรง ขณะที่รัฐบาลผสมมีที่มาไม่ชอบธรรม มีการต่อรองผลประโยชน์อยู่ตลอดเวลา และปัญหาความไม่เป็นนิติรัฐ ขาดหลักนิติธรรม ก็ยังเป็นปัญหาซ้อนอยู่ ดังนั้นทางออกคือต้องทำความเข้าใจในหลักนิติรัฐ และมีการรณรงค์ในระยะยาวให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยหน้าที่ในการให้ความรู้ควรเป็นหน้าที่ของฝ่ายวิชาการ ส่วนหน้าที่ในการรณรงค์ควรเป็นหน้าที่ขององค์กรทางการเมือง แต่จะหวังให้แก้ไขในเร็วๆ นี้คงยาก จะต้องมีการผลักดันให้สร้างความรู้ และมีการเคลื่อนไหวที่หลากหลาย