ญี่ปุ่นยอมให้กู้กว่า6หมื่นล้านเยนสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง มาร์คบอกไม่อึดอัดถูกตปท.ถามถึงแม้ว


"อภิสิทธิ์"เยือนญี่ปุ่นประสบความสำเร็จ เผยได้รับอนุมัติเงินกู้กว่า6หมื่นล้านเยนสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงแล้ว บอกถูกต่างประเทศถามถึง"ทักษิณ"ลดลง เครื่องบินกลับไทยขัดข้อง ต้องเลือก4คนสนิทกลับก่อน คณะที่เหลือรอ8ก.พ.

เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ เว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาลรายงาน ภารกิจการเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตามคำเชิญของรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการเยือนในวันสุดท้าย ว่า เมื่อเวลา 08.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ที่โรงแรมอิมพีเรียล กรุงโตเกียว นายคัสซูยา โอกาดะ รองหัวหน้าพรรคดีพีเจของญี่ปุ่น เข้าเยี่ยมคารวะ

ทั้งนี้ นายคัสซูยากล่าวว่า เคยพบกับนายอภิสิทธิ์มาก่อน ในช่วงไทยประสบปัญหาภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ ในปี 2540 ซึ่งในคราวนั้นนักลงทุนญี่ปุ่นได้แสดงความมั่นใจว่า จะลงทุนในประเทศไทยต่อไป และเชื่อว่าปัจจุบันนักลงทุนก็ยังมีความมั่นใจต่อไป แม้ว่าปัญหาเศรษฐกิจครั้งนี้จะกระทบกับทุกประเทศทั่วโลก มีการลดการจ้างงานเกิดขึ้นทั้งในญี่ปุ่น และไทย โดยแนวทางหนึ่งของการรับมือปัญหาดังกล่าว คือการสร้างความต้องการให้คงอยู่เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งไทยและญี่ปุ่นจะต้องช่วยกัน

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การเยือนญี่ปุ่นในครั้งนี้ ถือว่าประสบความสำเร็จด้วยดี และการเยือนญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกๆ เพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีความใกล้ชิด และความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับไทยมาโดยตลอด ขอขอบคุณญี่ปุ่นที่ไม่เคยทอดทิ้งไทย แม้ว่าจะประสบปัญหาภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจ มั่นใจว่าสถานการณ์ประเทศไทยกลับสู่ภาวะปกติ รัฐบาลและรัฐสภาสามารถดำเนินงานต่อไปได้ นโยบายต่างๆ ได้รับการผลักดันและนำไปสู่การปฏิบัติ โดยเฉพาะการประชุมอาเซียนซัมมิทในปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ จะได้มีการหารือร่วมกันในการรับมือและแนวทางการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ด้วย

จากนั้น เวลา 11.00 น. ที่โรงแรมอิมพีเรียล กรุงโตเกียว นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนไทย ภายหลังการหารือกับนายทะโร อะโซ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ที่ทำเนียบนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ว่า ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์วิกฤตการเงินโลก ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก ญี่ปุ่นถือเป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับไทย และเป็นประเทศคู่ค้าและคู่ลงทุนที่สำคัญของไทย โดยที่ผ่านมาไทยประสบปัญหาทางการเมือง การเยือนญี่ปุ่นจะสร้างความเข้าใจและความมั่นใจในประเทศไทยต่อทุกภาคส่วน เพื่อการขยายการลงทุนในไทยต่อไป โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่ได้หยิบยกขึ้นมาหารือ เพื่อให้ญี่ปุ่นมีความมั่นใจที่จะขยายการลงทุนในไทยอย่างเชื่อมั่น ในส่วนของพหุภาคี อาเซียน-ญี่ปุ่น กำลังจะมีข้อตกลงการเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ ซึ่งไทยในฐานะประธานอาเซียนจะสร้างความมั่นใจในความร่วมมือดังกล่าว

"ไทยและญี่ปุ่นจะร่วมกันในการช่วยเหลืออนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง และการพัฒนาในด้านต่างๆ ส่วนด้านการค้าและการลงทุน ไทยและญี่ปุ่นจะขจัดอุปสรรคที่ยังคั่งค้างอยู่ และยังมีธุรกิจอีกหลายด้านที่ยังมีโอกาสพัฒนาร่วมกัน ทั้งนี้ ญี่ปุ่นได้อนุมัติเงินกู้สำหรับรถไฟฟ้าสายสีแดงวงเงิน 63,000 ล้านเยน แก่ไทยเรียบร้อยแล้ว ซึ่งโครงการจะเร่งเดินหน้าต่อไป" นายอภิสิทธิ์กล่าว

ขณะที่เว็บไซต์กรมประชาสัมพันธ์ ที่ติดตามภารกิจการเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่นของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่า นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงการหารือกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ว่า มีความเห็นตรงกันในการขยายความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง รวมถึงร่วมกันพัฒนาประเทศในกลุ่มอาเซียนให้เป็นหลักในการฟื้นฟูเศรษฐกิจโลก โดยจะใช้เวทีอาเซียน+3 หรือการประชุมกลุ่มเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกประกาศความตั้งใจร่วมกัน ทั้งนี้ญี่ปุ่นมองไทยเป็นหุ้นสำคัญในการพัฒนาหลายๆ ด้าน สำหรับการลงทุนทั้งญี่ปุ่นและไทย ต้องการขจัดอุปสรรคที่ยังคั่งค้างอยู่ในการปฏิบัติตามข้อตกลง

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ส่วนการพบปะนักธุรกิจญี่ปุ่น มีการพูดคุยกันทางด้านความร่วมมือในหลายด้าน เช่น การพัฒนาบุคลากรผ่านสถาบัน หรือองค์กรของไทยและญี่ปุ่น ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างบุคลากร ที่ตรงกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม และใช้สถาบันเหล่านี้ในการเตรียมความพร้อมของไทย ที่จะส่งสินค้าที่มีคุณภาพตามมาตรฐานของญี่ปุ่นกำหนด ขณะเดียวกันรัฐบาลก็จะสนับสนุนมาตรการค้ำประกันสินเชื่อให้นักลงทุน และมาตรการระยะสั้นในการรักษาตลาดยานยนต์ แต่อยากขอให้บริษัทสำนักงานใหญ่ รักษาสถานะสภาพคล่องของบริษัทสาขาในประเทศไทย เพื่อจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยอีกทางหนึ่งด้วย

"สำหรับสถานการณ์ทางการเมือง นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ยังคงมั่นใจว่า สถานการณ์ที่ผ่านมา จะไม่เป็นอุปสรรคในการร่วมมือระหว่างกัน ผมไม่รู้สึกอึดอัดที่ต้องถูกถามถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในระหว่างการเยือนต่างประเทศ และขณะนี้ไม่ค่อยมีการถามถึงแล้ว การถามลดลงไปมาก เมื่อเทียบกับหลายเดือนก่อน ผมยืนยันว่ามีหน้าที่ดูแลคนทั้งประเทศ และคนทั้งประเทศสนใจผลประโยชน์ของประเทศมากกว่า คิดว่าเราก้าวพ้นเรื่องของบุคคลไปแล้ว และไม่มีความจำเป็นต้องชี้แจงกับนานาชาติในเรื่องนี้อีก" นายอภิสิทธิ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเดินทางกลับ นายกรัฐมนตรี ได้พบปะและหารือกับนักเรียนไทยในญี่ปุ่น เพื่อสอบถามความเป็นอยู่และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นสถานการณ์ทางการเมืองที่ผ่านมา เพื่อให้มีความเข้าใจที่ตรงกันอีกด้วย

ขณะที่ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ที่ติดตามภารกิจนายอภิสิทธิ์ รายงานว่า นายอภิสิทธิ์ พร้อมคณะ มีกำหนดจะเดินทางกลับประเทศไทย โดยสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ UA 891 จากสนามบินนาริตะ ซึ่งจะออกเดินทางเวลา 18.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น แต่เกิดเหตุขัดข้อง และสายการบินดังกล่าวได้ยกเลิกเที่ยวบิน ทันทีที่ทราบ ทางสายการบินพยายามหาเที่ยวบินอื่นที่มีที่นั่งชั้นธุรกิจให้กับคณะของนายกฯ แต่สามารถจัดหาได้เพียง 5 ที่นั่ง นายกฯจึงตัดสินใจเดินทางกลับในเที่ยวบิน เจแปนแอร์ไลน์ JA 707 ซึ่งจะเดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในเวลา 24.00 น. แทน ทั้งนี้ผู้ที่ได้ร่วมเดินทางกลับมาพร้อมกับนายกฯ ประกอบด้วย นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี นายวีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายอิสรา สุนทรวัฒน์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ส่วนคณะที่เหลือ ประกอบด้วย นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง เจ้าหน้าที่และสื่อมวลชน จะเดินทางกลับในวันที่ 8 กุมภาพันธ์


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์