นายกฯให้ความเชื่อมั่น ไม่มีการปิดสนามบินอีก

วันนี้ (6 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวสุนทรพจน์ (Keynote Speech)

ณ งานสัมมนา
ทิศทางเศรษฐกิจการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยวของประเทศไทยณ โรงแรม Imperial กรุงโตเกียว ญี่ปุ่น ระหว่างการเยือนประเทศญี่ปุ่นเพื่อเจรจาทำงาน (Working Visit) ระหว่างวันที่ 5-7 กุมภาพันธ์ 2552
 

นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความยินดีและชื่นชมความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น ที่ยาวนานและแนบแน่น ครบรอบ 120 ปี เมื่อเดือนกันยายน ปี 2007 

และมีการลงนาม
Japan-Thailand Economic Partnership Agreement (JTEPA) ความเป็นมิตรภาพที่เที่ยงแท้ของญี่ปุ่น ดูได้จากวิกฤตเศรษฐกิจไทยเมื่อปี 1997 ญี่ปุ่นยังคงให้ความเชื่อมั่นและลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง ผลจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก ที่ส่งผลกระทบเกือบทุกประเทศในโลก ซึ่งไทยยังประสบปัญหาการเมืองเมื่อปีที่ผ่านมา ที่มีการยึดทำเนียบและปิดสนามบิน วันนี้ จึงอยากจะมายืนยันว่า ไทยกำลังกลับเข้าสู่ภาวะปกติ  และจะเป็นศูนย์กลางการลงทุนและการท่องเที่ยว ต่อไป

 

นายกรัฐมนตรี กล่าวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ด้านการค้าระไทย-ญี่ปุ่นว่า  ยังคงแข็งแกร่ง ในปี 2008 ญี่ปุ่นเป็นตลาดส่งออกอันดับ 2 ของไทยรองจากสหรัฐอเมริกา

และเมื่อ
JTEPA มีผลบังคับใช้เมื่อ พ.ย. 2007 ส่งผลให้การค้าระหว่างกันยังเพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะด้านการเกษตร ป่าไม้ และประมง การศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ รวมทั้ง การส่งเสริมบรรยากาศการลงทุน ไทยยึดมั่นในระบบการค้าเสรี ไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลแต่หลักการดังกล่าวไม่มีการเปลี่ยนแปลง ด้านการลงทุนนั้น  ญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนที่สำคัญของไทย โดยมีการลงทุนร้อยละ 40 ของการลงทุนจากต่างประเทศ ในปี 2008 สำนักงานส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้เห็นชอบแผนขอรับการส่งเสริมการลงทุนมากกว่า พันโครงการ มูลค่ากว่า 11 พันล้านเหรียญสหรัฐ ฯ โดยมี 324 โครงการเป็นของญี่ปุ่น ซึ่งไทยมีจุดแข็งในการลงทุนและโอกาสของนักลงทุน เช่น  มีทรัพยากรและสาธารณูปโภคที่พร้อม  เป็น rice-bowl of Asia มีแรงงานที่คุ้มค่า  และจิตใจที่รักการบริการของคนไทย  


นายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ไทยได้เร่งหาแนวทางใหม่ๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพของทรัพยากรบุคคล

ขยายทักษะแรงงานและสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจเพื่อเป็นโอกาสที่สดใสของนักลงทุน ทั้งนี้ รัฐบาลได้ออกมาตรการเพื่อให้มั่นใจว่าประชาชนวันนี้จะพร้อมสำหรับความต้องการในอนาคต โดยรัฐบาลออกนโยบาย เรียนฟรี
15 ปี ส่งเสริมและพัฒนา IT และการฝึกอบรมนักศึกษาจบใหม่ นโยบายพลังงานทดแทนเป็นนโยบายระดับประเทศด้านการท่องเที่ยว ไทยส่งเสริมโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยว “Friends of Thailand” และ “Visit World Campaign”  

 

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความเสียใจ ต่อเหตุการณ์ การปิดสนามบิน แต่นักท่องเที่ยวได้รับการดูแลอย่างดี  

ตัวเลขนักท่องเที่ยวช่วงปีใหม่ แม้มีจำนวนร้อยละ
 80 ของจำนวนนักท่องเที่ยวปกติ เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจ แสดงว่าไทยเป็นประเทศที่ปลอดภัย ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าจะไม่มีเหตุการณ์เช่นนั้นอีก พร้อมกันนี้ ยังมีโครงการอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว Airport Link จะเสร็จในปีนี้ ทำให้การเดินทางสะดวกยิ่งขึ้น การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษณ์  (eco-tourism)  การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (medical-tourism) และการท่องเที่ยวทางกีฬา  (sport-tourism)

 

สำหรับสถานการณ์ทางการเมืองนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวรับรองสถานการณ์และยืนยัน ว่า ไทยยังเป็น “Land of Smiles, Land of the Free and Land of Opportunity”

นับตั้งแต่แถลงนโยบายเสร็จสิ้น รัฐบาลเร่งสร้างความมั่นคงและความสมานฉันท์ให้สังคม โดยรัฐบาลสนับสนุนประชาธิปไตย บนพื้นฐานกฎหมาย
  ธรรมาภิบาล  ความโปร่งใส  ความยุติธรรม  และจะนำการเมืองกลับไปยังระบบรัฐสภา  ปัญหาการเมืองควรแก้ไขโดยนักการเมือง สถานการณ์ทางการเมืองไทยสามารถกลับสู่ภาวะปกติ หากประชาชนยังคงดิ้นรนต่อสู้เพื่อดำรงชีวิตอยู่  ภายในสภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจ  แต่มั่นใจว่ารัฐบาลและประชาชนจะร่วมกันเพื่อเอาชนะสิ่งท้าทายทั้งปวง

 

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า แม้ว่าไทยจะโชคดีที่ไม่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก  และมีประสบการณ์จากปี 1997

แต่ประชาชนจำนวนมากยังคงได้รับความเสี่ยงจากการเลิกจ้าง
  และต้องเผชิญกับความกลัวรายได้จะลดลง  ในการนี้รัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในวงเงิน 116 พันล้านบาท (แสนล้าน) เพื่อรองรับผลกระทบวิกฤติที่จะเกิดขึ้นระยะสั้น เพื่อช่วยประชาชนในยามลำบาก เช่น เงิน 2,000 บาท  สำหรับผู้มีรายได้น้อย  ลดภาระค่าใช้จ่ายค่าน้ำค่าไฟ 6 เดือน การสนับสนุนราคาสินค้าเกษตร เงินทุนเศรษฐกิจพอเพียง  การฝึกอบรม  เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ มาตรการทางภาษี  เช่น การลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย กฎระเบียบเกี่ยวกับการลงทุน จะให้มีการแก้ไขกฎระเบียบที่สร้างภาระแก่นักลงทุน  การดำเนินการในโครงการ Mega Projects เพื่อสร้างระบบสาธารณูปโภค

 นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึง การเข้าร่วมประชุม WEF ที่ดาวอส ว่า เป็นโอกาสที่ไทยจะได้ส่งสารไปทั่วโลก

ยืนยันว่าไทยยังเปิดต้อนรับนักลงทุน และนักท่องเที่ยว และยืนยันมาตรการต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล การเป็นประธานอาเซียนและจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม
ASEAN Summit ครั้งที่ 14
นายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปย้ำอีกครั้งในตอนท้าย ว่า ยืนยันการกลับสู่ภาวะปกติของไทย ผลการเลือกตั้งซ่อมที่ส่งสัญญาณให้รัฐบาลทำงานต่อไปได้ ไทยมีข้อเสนอที่ดีต่อนักลงทุนและนักท่องเที่ยว และจะขยายความเป็นหุ้นส่วน

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์