สภาผ่านกม.ผู้สูงอายุ รัฐบาล-ฝ่ายค้านหวิดวางมวยแถม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ (5 ก.พ.)มีพ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 เป็นประธานการประชุม

ซึ่งที่ประชุมได้มีมติเสียงข้างมาก 238 ต่อ 40 เสียงรับหลักการร่างพ.ร.บ.ผู้สูงอายุ (ฉบับที่..)พ.ศ....ที่เสนอโดยส.ส.ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านรวม 5 ฉบับ โดยส.ส.พรรคเพื่อไทยไม่ได้ลงคะแนน ทั้งนี้สาระสำคัญของร่างพ.ร.บ.ผู้สูงอายุ(ฉบับที่..)พ.ศ.... ทั้ง 5 ฉบับ คือ ให้มีคณะกรรมการขึ้นมากำหนดหลักเกณฑ์ ดูแลการจัดสรรเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุให้ครอบคลุม ซึ่งจะสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่จะให้เบี้ยยังชีพกับผู้สูงอายุ 500 บาทต่อเดือน  
 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการพิจารณาต่อจากการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อคืนวันที่ 4 ก.พ. ที่มีการเริ่มพิจารณาไปแล้วเพียง 10 นาที


นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย เสนอให้นับองค์ประชุมแบบขานชื่อเมื่อเวลา 22.20 น. เนื่องจากเป็นร่างพ.ร.บ.ที่มีความสำคัญ พร้อมระบุว่า มีส.ส.กดบัตรแทนกัน โดยได้ตรวจสอบไปยังส.ส.คนหนึ่งซึ่งยอมรับว่าไม่ได้มาเข้าร่วมประชุมแต่อยู่ในพื้นที่ แต่นายชัย ขอเลื่อนการประชุมและสั่งปิดประชุมทันที 
 

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ช่วงเริ่มการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ผู้สูงอายุ ในวันที่ 5 ก.พ.นี้  นายประชา ได้หารือถึงปัญหาที่ค้างมาจากเมื่อ คืนวันที่ 4 ก.พ.


โดยระบุว่า นายตุ่น จินตะเวช ส.ส.อุบลราชธานี พรรคชาติไทยพัฒนา ไม่ได้อยู่ในห้องประชุม แต่กลับมีการแสดงตน ซึ่งพ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า เรื่องนี้ขอให้นายประชา ทำหนังสือถึงประธานสภา ให้ตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป จากนั้นประธานได้สั่งให้นับองค์ประชุมด้วยการเสียบบัตร ผลปรากฏว่ามีสมาชิกอยู่ในห้องประชุม 249 คน ถือว่าครบองค์ประชุม แต่ปรากฏว่า นายธนา ชีรวินิจ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ได้เสนอให้ปิดอภิปรายร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว ทำให้ถูกส.ส.พรรคเพื่อไทยลุกขึ้นประท้วงนานกว่า 30 นาที โดยนายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน ขอให้เปิดอภิปรายต่อ โดยระบุว่า ร่างพ.ร.บ.นี้ เป็นกฎหมายการเงิน ควรให้นายกฯลงนามรับรองก่อนนำเข้าสู่สภา 
 

ทำให้ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นำโดยนายชินวรณ์ บุณญเกียรติ ประธานวิปรัฐบาล ชี้แจงว่า
ร่างพ.ร.บ.นี้ตกค้างมาจากสภาชุดที่แล้ว โดยเสนอเข้าสู่สภาเมื่อวันที่ 29 ก.พ. 51 มีนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รองประธานสภาขณะนั้นทำหน้าที่รักษาการประธานสภา ซึ่งประธานฯมีอำนาจวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 143  ดังนั้นเมื่อมีการบรรจุวาระเข้าที่ประชุมสภาแล้ว ก็ถือว่าเลยขั้นตอนการวินิจฉัยว่าเป็นกฎหมายการเงินหรือไม่
 



ในที่สุดที่ประชุมได้มีการลงมติให้ปิดอภิปรายด้วยคะแนนเสียง 228 ต่อ 40 งดออกเสียง 5 ไม่ลงคะแนน 2


จากนั้นได้ลงมติรับหลักการร่างพ.ร.บ.นี้ด้วยคะแนนเสียงเอกฉันท์ 238 งดออกเสรียง 6 ไม่ลงคะแนน 6 และตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญจำนวน 54 คน โดยที่พรรคเพื่อไทยไม่ได้ส่งส.ส.และไม่ได้เสนอชื่อเอ็นจีโอในสัดส่วนพรรคเพื่อไทยร่วมเป็นคณะกรรมาธิการ ทำให้คณะกรรมาธิการเหลือเพียง 42 คน


จากนั้นนายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน ได้ลุกขึ้นอภิปรายว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยจะเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 143 144 หรือไม่

เพราะฝ่ายค้านเห็นว่ากฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายการเงินที่ต้องให้นายกรัฐมนตรีทำการรับรองก่อนที่สภาฯจะพิจารณารับหลักการ แต่กรณีนี้นายกฯไม่ได้มีการดำเนินการดังกล่าวมาก่อน ทำให้พรรคฝ่ายค้านไม่เสนอบุคคลเข้าไปดำรงตำแหน่งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.ผู้สูงอายุในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทย   
 

ขณะที่นายทิวา เงินยวง ได้ลุกขึ้นหารือว่า การที่ไม่มีกรรมาธิการจากพรรคฝ่ายค้านเกรงว่าจะขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่งพ.อ.อภิวันท์ ได้เสนอให้ประธานวิปรัฐบาลไปหารือกับประธานวิปฝ่ายค้านเพื่อแก้ปัญหาต่อไป 
 

อย่างไรก็ตามพ.อ.อภิวันท์ ได้เปิดให้ส.ส.หารือเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ซึ่งฝ่ายพรรคเพื่อไทยยังคงยืนยันไม่เสนอรายชื่อร่วมเป็นคณะกรรมาธิการ จนกระทั่งการหารือผ่านไปประมาณ 30 นาที โดยส.ส.พรรคเพื่อไทย นางผ่องศรี ธาราภูมิ ส.ส.ลพบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ได้ลุกขึ้นเสนอชื่อกรรมาธิการในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทยจำนวน 12 คน โดยได้อ่านรายชื่อทันที ทั้งนี้ระหว่างการอ่านชื่อ นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นประท้วง แต่นายชัย ชิดชอบ ประธานสภา ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมในขณะนั้นไม่สนใจ

ทำให้นายสุนัย ถึงกับตะโกนใส่ไมโครโฟน กลางที่ประชุมด้วยเสียงอันดังว่า
ท่านประธานครับ ผมประท้วงอยู่ ทำอย่างนี้ได้อย่างไร นายชัย จึงได้หันไปมอง และบอกว่ากำลังบอกให้นางผ่องศรี หยุดอ่านรายชื่อ ซึ่งประจวบเหมาะกับที่นางผ่องศรีอ่านรายชื่อครบพอดี และขอผู้รับรองเรียบร้อยซึ่งถือว่าครบกระบวนการ
 

ทำให้นายสุนัย ลุกขึ้นต่อว่าประธานสภา ว่าทำตัวไม่เป็นแค่เงาประธาน ไม่เป็นประธานในที่ประชุม
 

จนทำให้เกิดการโต้เถียงกันระหว่างนายชัย และนายสุนัย  โดยนายสุนัย ได้เสนอให้มีการถอนชื่อกรรมาธิการที่นางผ่องศรี ออกไปทั้งหมด และขอให้พักการประชุมก่อน ทั้งนี้นางผ่องศรี ลุกขึ้นชี้แจงว่า ชื่อที่ตนเสนอเป็นรายชื่อที่ได้รับการประสานงานมาก่อนหน้านี้โดยได้รับการส่งสัญญาณจากพรรคเพื่อไทยว่าให้ตนเป็นผู้เสนอรายชื่อกลางที่ประชุม ทั้งนี้ก่อนเหตุการณ์จะวุ่นวายมากกว่านี้นายชัย ได้สั่งพักการประชุม 10 นาที โดยเริ่มพักการประชุมในเวลา 19.10 น. 
 

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างพักการประชุม และส.ส.ทยอยเดินออกนอกห้องประชุม


นายอภิชาติ สุภาแพ่ง ส.ส.เพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย์ เกิดเหตุปะทะคารมด้วยถ้อยคำรุนแรงกับนายสุนัย จนทั้งคู่เตรียมจะปรี่เข้าหากัน จนทำให้พ.อ.อภิวันท์ ต้องเข้าเคลียร์ ให้ทั้งสองฝ่ายแยกออกจากกัน
ต่อมาเวลา 19.25 น. หลังพักการประชุม 10 นาที นายชัย ได้กล่าวในที่ประชุมว่า เมื่อที่ประชุมพิจารณาเรื่องนี้เสร็จแล้ว ในวันที่ 6 ก.พ.ตนจะนำเรื่องนี้เสนอรัฐบาลเพื่อให้นายกรัฐมนตรีพิจารณารับรองว่าเป็นพ.ร.บ.เกี่ยวกับการเงิน และจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯต่อไป โดยขอฝากให้นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.สำนักนายกฯ ติดตามดูแลเรื่องนี้ให้เสร็จในวันที่ 6 ก.พ. เพื่อส่งมายังสภาด้วย ซึ่งนายวิทยา ได้ลุกขึ้นกล่าวแสดงความเห็นด้วย จากนั้นนายพิษณุ หัตถสงเคราะห์ ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นเสนอตัวแทนองค์กรเอกชนในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทย และเสนอรายชื่อส.ส.พรรคเพื่อไทยเป็นกรรมาธิการฯ ทำให้กรรมาธิการฯมีครบ 54 คนตามที่กำหนด  


อย่างไรก็ตามนายสุนัย ได้ลุกขึ้นกล่าวว่า
ตนถูกส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ว่ากล่าวด้วยถ้อยคำรุนแรง อยากให้ท่านช่วยสอนส.ส.เด็ก ๆ ด้วย เพราะบางคำพูดรับไม่ได้เป็นการสบประมาทต่อส.ส. แต่ตนไม่อยากไปเกลือกกลั้วกับสิ่งนั้น ไม่อยากให้สภาเสียชื่อเหมือนที่ผ่านมา


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์