นายกฯ"อิสิทธิ์ เวชชาชีวะ"ควงรมต.เยือนญี่ปุ่น หวังขยายการลงทุนเพิ่ม เตรียมเจรจากู้เงินในโครงการรถไฟฟ้าต่อเนื่อง
(5ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมนายกอร์ปศกดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี นายวีระชัย วีระเมธีกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรม นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 5-7 ก.พ. ด้วยเครื่องบินของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เที่ยวบินที่ ทีจี 676
นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทาง ว่า การเดินทางครั้งนี้ตั้งเป้าหมายในการกระชับความสัมพันธ์กับญี่ปุ่น
โดยเฉพาะญี่ปุ่นเป็นคู่ค้าและนักลงทุนรายสำคัญ ก็จะไปชี้แจงให้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาของรัฐบาลไทย และทำให้เกิดความเชื่อมั่น ซึ่งจะนำไปสู่การขยายการลงทุนและการค้า อีกทั้งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้ไปประกาศมาตรการการให้ความช่วยเหลือในภูมิภาคเอเซีย ซึ่งจะถือโอกาสสอบถามความเป็นไปได้ที่ไทยจะเข้าไปมีส่วนร่วม หรือได้ประโยชน์จากมาตรการตรงนี้อย่างไรบ้าง นอกจากนี้จะได้มีโอกาสพบกับภาคเอกชนทั้งในด้านอุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมยานยนต์ เหล็ก และการท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ไปดูลู่ทางในการขยายความร่วมมือในจุดดังกล่าว
เมื่อถามว่าจะถือโอกาสเจรจาเรื่องเงินกู้เอดีบีด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องของเงินกู้นั้นอยู่ระหว่างการหารือกัน ในโครงการรถไฟฟ้า
ซึ่งก็คงจะมีการหารือเพิ่มเติมตรงนี้ด้วย ปัจจุบันเรามีรถไฟฟ้าอยู่ 3 สายที่เกี่ยวกับเงินกู้จากญี่ปุ่น ก็จะไปทำความชัดเจนให้เกิดขึ้น และคาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปและความคืบหน้าในบางส่วน อย่างไรก็ตามในส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงนั้น อยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินการของเราเองในเรื่องของการประมูล ก็คงจะเป็นเรื่องรถไฟฟ้าสายสีแดงที่จะไปหารือให้เกิดความชัดเจน ส่วนรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินตอนนี้มีปัญหาทางเทคนิค เนื่องจากเป็นสายที่เป็นวงแหวน “ การหารือเรื่องเงินกู้นี้ไม่ได้เป็นวงเงินกู้ใหม่ เป็นการพูดคุยถึงวงเงินกู้ต่อเนื่องเดิมในโครงการต่าง ๆ ที่มีการเจรจากันมานานแล้ว ”
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่สหรัฐฯออกกฎเหล็กว่า ถ้าหากรัฐบาลสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ในบริษัทแม่แล้วจะไม่มีการเข้ามาอุ้มบริษัทลูกที่อยู่ในประเทศต่าง ๆ
ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ในไทยจะแก้ปัญหาอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เวลานี้สหรัฐฯเองก็ต้องกลับไปทบทวนในมาตรการของโครงการหลาย ๆ อย่าง แม้แต่การรณรงค์ให้ซื้อสินค้าของสหรัฐฯเอง ขณะนี้ทางประธานาธิบดีสหรัฐฯถึงขนาดบอกว่าอาจจะต้องมีการทบทวนมาตรการดังกล่าว เพราะจะกลายเป็นการส่งสัญญาณที่ผิด อย่างไรก็ตามการช่วยเหลือด้านการเงินก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง เพราะตัวบริษัทแม่ก็ต้องดูสถานะการเงินของบริษัทในเครือทั้งหมด ในส่วนของประเทศไทยก็มีแผนการกระตุ้นความต้องการและช่วยเหลือในภาพรวมอยู่