ทำงานมายังไม่ทันถึง 3 เดือน มีคนตั้งฉายา ให้เป็นทั้งเสือโหย และ เสือหิว ซะแล้ว แต่ถ้าหากใครลองเปรียบเทียบประวัติในอดีตการทำงานช่วงที่ผ่านมาระหว่าง “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” กับ “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ผมว่าคนที่ติดตามการเมืองมานานพอสมควร ก็คงพอจะตัดสินใจได้ว่าทั้งสองคนนี้ใคร มีพฤติกรรมตามที่อดีตนายกฯ ซึ่งร่อนเร่พเนจรอยู่นอกประเทศตั้งฉายาให้
แค่ใครจะอดอยากปากแห้ง หรือท้องอิ่มปากมัน หลายคนเขาบอกให้จับตาดู การประชุมคณะกรรมการข้าราชตำรวจ (กตร.) วันที่ 6 ก.พ. เพราะได้ข่าวว่าจะมีการประลองกำลังครั้งสำคัญระหว่างฝ่ายการเมืองกับ ข้าราชการประจำ เพราะเที่ยวนี้เขาลือกันว่า มีข้าราชการสวมเครื่องแบบสีกากีสถาปนา “แก๊ง ออฟ โฟร์” ขึ้นมาจัดทำรายชื่อโยกย้ายนายตำรวจ แข่งกับ “นายสุเทพ เทือกบรรณ” รองนายกฯ ซึ่งได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)
ทั้งที่ถ้าหากวัดผลงานของ สตช. ในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา จนกระทั่งมาเกิดคดีดังล่าสุด “ซานติก้าผับ” บอกได้เลยว่า “พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” ต้องโบกมือลาจาก ตำแหน่ง ผบ.ตร. ไปได้แล้ว เพราะประสิทธิภาพการทำงาน หรือการคลี่คลายคดีซึ่งมีความสำคัญเกิดคำถามเกิดขึ้นมากมายเหลือเกิน หรือ ท่านจะถนัดเล่น “บทลอยตัว” ไม่ขอเข้ามายุ่งเกี่ยวกับภารกิจ ต่าง ๆ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบ
แต่กรณีที่ ป.ป.ช. กำลังสอบสวน เหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 ที่ผ่านมา ซึ่งนายอภิสิทธิ์ยื่นเรื่องให้สอบสวนในช่วงที่เป็นฝ่ายค้าน ผมดูอย่างไร ใครเป็น ผบ.ตร. ในขณะนั้น คงปัดความรับผิดชอบลำบาก แม้ว่าจะไม่เห็นด้วยกับการสั่งการ แต่พอมันเกิดเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้น คนเป็นผู้บังคับบัญชาต้อง กล้าแอ่นอกออกมารับผิดชอบ
ผมเชื่อว่าถ้าหากไม่ติดขัดที่นายสุเทพ นายกฯ คงปลด ผบ.ตร. หรือขอให้ไปช่วยราชการที่สำนักนายกฯ นานแล้วครับ วัดดูได้จาก “ปลากระป๋อง” เน่า ยังไม่มีบทสรุปชี้ชัดว่า นายวิฑูรย์ นามบุตร เข้าไปมีเอี่ยวหรือเกี่ยวข้องกับการทุจริตเรียกรับเงินรับทองจากใครนายอภิสิทธิ์ ยังขอร้องให้ลาออกจากตำแหน่ง รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เพื่อแสดงความรับผิดชอบ
แต่ผลพวงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นและเชื่อมโยงกับการทำงานของ พล.ต.อ.พัชรวาท ไล่ตั้งแต่ 4 คดีดังที่นายกฯ เรียก พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. มาช่วยติดตามความคืบหน้า “คดีซานติก้าผับ” ซึ่งเกิดปัญหาความขัดแย้งกันระหว่างการทำงานของตำรวจ กับ คณะทำงานของกระทรวงยุติ ธรรม แค่นี้ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าใครของจริงหรือของปลอม
แถมล่าสุด ยังมีนายตำรวจระดับสูง หวังจะหักหน้า “นายชวน หลีกภัย” ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ถูกคนเสื้อแดงรุมปาเข้าใส่ใบหน้า และยังไม่สามารถ จับกุมคนก่อเหตุได้ หรือจะมี นักการเมืองบางคนในพรรคประชา ธิปัตย์ บางคนคิดว่า วันนี้ไม่ต้องอาศัยบารมีของอดีตนายกฯ สองสมัยที่ได้รับการยกย่องจากคนทั่วไป เป็นนักการเมืองที่มีความซื่อสัตย์สุจริตคนหนึ่ง ช่วยหาคะแนนนิยมในพื้นที่ภาคใต้ให้
หลายคนคงรอดูว่าวันที่ 6 ก.พ. นายสุเทพ จะช่วยรักษาศักดิ์ศรีของอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่ช่วยอุ้มชูตนเองให้เข้ามารับตำแหน่งฝ่ายบริหารไล่ตั้งแต่ตำแหน่ง เลขานุการ รมต. จนกระทั่งเป็น รมว.คมนาคม ไว้มากแค่ไหน หรือคิดแค่วันนี้มีตำแหน่งใหญ่ ไม่ต้องสนใจแล้วว่าใครเคยมีบุญคุณหรือช่วยอุ้มชูตอนตัวเองตกอับ.