นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันที่ 4 ก.พ. ถึงเศรษฐกิจไทยในปี 2552 โดยเชื่อว่า
คงไม่ติดลบถึง 4 % ตามที่นายโอฬาร ไชยประวัติ อดีตรองนายกรัฐมนตรี คาดการณ์ พร้อมทั้ง มั่นใจว่า ปีนี้เศรษฐกิจไทยจะเติบโตเป็นบวกได้ แต่สถานการณ์ของเศรษฐกิจโลกจะต้องนิ่ง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับเศรษฐกิจไทย
แต่อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า
เศรษฐกิจปี 2553 ยังคาดเดาได้ยาก ทั้งนี้รัฐบาลขอเวลาประมาณ 3 เดือนในการประเมินสถานการณ์ของเศรษฐกิจโลก เพื่อจะพิจารณาว่า ต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป จำเป็นต้องมีมาตรการใดๆเพิ่มเติมหรือไม่ แต่สิ่งสำคัญขณะนี้ คือ สภาผู้แทนราษฎรควรให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการผ่าน ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2552 เพื่อให้มีเม็ดเงินมาใช้ได้ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้เร็วขึ้นจากวันที่ 1 เมษายนนี้
นอกจากนี้ นายกอร์ปศักดิ์ ยังกล่าวด้วยว่า
รัฐบาลเป็นห่วงปัญหาด้านแรงงาน โดยออกมาตรการหลายด้านเพื่อดูแลและลดผลกระทบจากการเลิกจ้าง เนื่องจากพบว่าล่าสุด ตัวเลขคนตกงานเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเดือนละหมื่นคน ดังนั้น รัฐบาลต้องใช้เงินงบประมาณเพื่อรองรับไม่ให้คนตกงานมากขึ้น ซึ่งมาตรการที่รัฐบาลใช้ก็เพื่อสร้างดีมานด์ให้เกิดการจับจ่ายและเป็นวิธีการแก้ปัญหาจากระดับล่างขึ้นบน สำหรับข้อเสนอที่ให้ใช้นโยบายการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น อาจขอหารือกับกระทรวงการคลังก่อน แต่เห็นว่า การนำมาตรการภาษีมาใช้ต้องรอบคอบและระมัดระวัง เพราะมีผลกระทบหลายด้าน เช่น การเสนอให้ลดภาษีมูลค่าพิ่ม ซึ่งจะกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลจำนวนมาก และหากเศรษฐกิจโลกไม่นิ่ง การลดภาษีอาจยิ่งสร้างความเสียหายมากขึ้น