กรุงเทพธุรกิจ
16 กรกฎาคม 2549 17:55 น.
´สุชน´ระบุ กกต.3 คนปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ ยันไม่ชอบธรรม ´ไสว´เตรียมเสนอเรื่องต่อปธ.วุฒิส่งศาลรธน.วินิจฉัยปัญหาการสรรหากกต.
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : นายสุชน ชาลีเครือ รักษาการประธานวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ที่เหลือเพียง 3 คน ทำให้มีการมองว่าไม่ครบองค์ประกอบ ไม่สามารถบริหารงานจัดการเลือกตั้ง หรือพิจารณาวินิจฉัยคดีร้องเรียนทุจริตได้ ว่า อยากให้ไปดูรายงานการประชุมวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้งเมื่อปี 2541เกี่ยวกับร่างกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง( กกต.) ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ในขณะนั้นได้นำร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมวุฒิสภา ซึ่งได้มีการถกเถียงในประเด็นขององค์คณะกกต.กันอย่างหนัก ต้องพิจารณากันหลายสัปดาห์ โดยที่ประชุมส่วนใหญ่เห็นว่ากกต.จะต้องมีครบทั้ง 5 คน
แต่มีกรรมาธิการฯบางคนเสนอผ่อนผันให้เหลือ 4 คนได้ จึงเป็นที่มาของคำว่าองค์ประชุมต้องมี 4 ใน 5 ดังนั้นการเหลือกกต. 4 คน จึงสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ แต่ต้องมาครบองค์ประชุมทั้ง 4 คน แต่การที่กกต.เหลือเพียง 3 คนอย่างขณะนี้ จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะปฏิบัติหน้าที่ได้หรือไม่ เพราะขนาดเหลือ 4 คน ยังมีข้อจำกัดขนาดนั้น ดังนั้นเหลือแค่ 3 คนแล้วจะมีความชอบธรรมได้อย่างไร ดังนั้นต้องทำให้กกต.ครบ 5 คน
นายสุชน กล่าวว่า จริงอยู่การเหลือกกต.แค่ 3 คนสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ แต่เป็นงานบางเรื่องหรือแค่งานด้านธุรการเท่านั้น ส่วนการบริหารจัดการเลือกตั้งและการพิจารณาวินิจฉัยให้ใบเหลือง ใบแดงนั้นคงไม่มีความชอบธรรมแล้ว ดังนั้นปัญหาของประเทศชาติขณะนี้ถ้ายังใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้อยู่ จึงต้องทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้มีกกต.ครบ 5 คน เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 136 ระบุชัดเจนว่าคณะกรรมการต้องมี 5 คน การมีแค่ 3 คนก็เป็นแค่กรรมการเท่านั้น เมื่อถามว่า คณะกรรมการที่ปรึกษากฎหมายฯจะขอให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณากรณีที่ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาไม่ดำเนินการสรรหากกต. นายสุชน ตอบว่า ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชัดเจนแล้วว่ารักษาการส.ว.ไม่มีอำนาจหน้าที่ยื่นเรื่องให้วินิจฉัยในเรื่องใดๆได้
นายไสว พราหมณี รักษาการส.ว.นครราชสีมา ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษากฎหมายประธานวุฒิสภา กล่าวว่า เชื่อว่าที่จริงแล้วกกต.ทุกคนก็พร้อมที่จะลาออก หากมีผู้หลักผู้ใหญ่ที่เป็นคนกลางเป็นคนประสาน ต้องหารือกันว่าจะให้เขาลงเมื่อไหร่แล้วจะทำอย่างไรจึงจะมีกกต.ครบทั้ง 5 คน แต่ขณะนี้ไม่มีผู้ใหญ่ที่เป็นกลางมาทำหน้าที่นี้แล้วเพราะถูกผลักให้เลือกข้างไปกันหมด ซึ่งคณะที่ปรึกษาฯได้หารือกันแล้วบางส่วนเห็นว่าควรจะส่งเรื่องให้ประธานวุฒิสภาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีที่ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาไม่ยอ มสรรหากกต.ในส่วนที่ขาดหายไป เพราะเห็นว่าเป็นความขัดแย้งขององค์กรเนื่องจากศาลฎีกาก็ยืนยันแล้วว่าจะไม่ดำเนินการสรรหาให้ แต่กกต.ยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไป เพื่อทำเรื่องนี้ให้เป็นบรรทัดฐานในอนาคตด้วย เมื่อถามว่าจะเป็นการก้าวล่วงศาลฎีกาหรือไม่นายไสว ตอบว่าไม่ใช่การก้างล่วง แต่เป็นการสอบถามถึงหน้าที่ในฐานะกรรมการสรรหา ซึ่งคงต้องหารือกับประธานวุฒิสภาต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคณะกรรมาธิการฯชุดที่พิจารณาร่างกฎหมายว่าด้วยกกต.ในขณะนั้นมี นายอาสา เมฆสวรรค์ เป็นประธานฯ โดยมีกรรมาธิการฯประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนมากอาทิ นายสุชน นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกฯ นายพชร ยุติธรรมดำรง อัยการสูงสุด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรีด้วย