นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกฯ ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปร่วมประชุมเศรษฐกิจโลก ที่เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์
ว่าหลังเดินทางกลับมาวันที่ 1 ก.พ. จากนั้นอีก 1-2 วัน
น่าจะได้ความชัดเจนเรื่อง "ปลากระป๋องเน่า" ในส่วนของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ที่ นายวิฑูรย์ นามบุตร ดูแลอยู่
กับเรื่องที่ นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย ไปแจกเงินหลวงให้ชาวบ้าน จ.นครราชสีมา แล้วดันแนบนามบัตรของตัวเองไปด้วย
เมื่อได้ข้อมูลชัดเจนแล้วก็จะพิจารณาว่าจะปรับครม.หรือไม่
ฉะนั้น เลยตีความได้ว่าไม่เกินสัปดาห์นี้คงได้รู้กันว่า ระหว่างนายวิฑูรย์ กับนายบุญจง ใครจะอยู่หรือใครจะไป
จะอยู่ 1 คน ไป 1 คน หรือไปทั้ง 2 คน ต้องติดตามกันต่อไป
แต่เท่าที่ตรวจจับชีพจรกันล่วงหน้า หลายคนเห็นตรงกัน
นายวิฑูรย์อาการหนักกว่านายบุญจง
ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะ
หนึ่ง ข้อมูลที่ฝ่ายค้านออกมาเปิดโปงแบบรายวัน ยิ่งเปิดก็ยิ่งลึก โยงใยพัวพันไปถึงคนในพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่ระดับส.ส.ธรรมดา ไปจนถึงระดับแกนนำพรรค
สอง นายวิฑูรย์เป็นรัฐมนตรีสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล
ฉะนั้น นายกฯ อภิสิทธิ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะต้องใช้มาตรการเด็ดขาดกับนายวิฑูรย์ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าไม่มีการปกป้องคนพรรคเดียวกันเอง
สาม นายกฯ อภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ไว้เอง ว่าถึงกรณีนายวิฑูรย์จะยังไม่ชัดเจนในเรื่องความผิดตามข้อกฎหมาย
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นถือว่าความเสียหายได้เกิดกับประชาชนแล้ว
แถมยังเป็นประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยน้ำท่วมอยู่แล้วอีกต่างหาก
แตกต่างจากกรณีนายบุญจง ที่ไม่มีประเด็นความเสียหายที่เกิดกับประชาชนเพราะการแจกเงิน 500 บาท ชาวบ้านได้รับครบถ้วนทุกบาททุกสตางค์
ส่วนนามบัตรที่แนบติดไปด้วย มีผลเสียแค่ทำให้ชาวบ้านเข้าใจผิด คิดว่าเป็นเงินส่วนตัวของนายบุญจงเท่านั้น
ถ้ามีโทษอาจจะแค่ตักเตือนว่าทีหลังอย่าทำอีก
ได้ยินได้ฟังนายกฯ พูดแบบนี้ นายบุญจงคงสบายใจขึ้นเป็นกอง
สำหรับนายวิฑูรย์ หากมีอันต้องหลุดจากเก้าอี้จริง
เท่ากับเป็นการตอกย้ำอาถรรพ์กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ที่ว่าใครมาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงนี้มักมีเหตุให้อยู่ไม่ยืด
ในสมัยรัฐบาลพลังประชาชนอยู่ไม่ถึงปี เปลี่ยนรมว.การพัฒนาสังคมฯ ถึง 4 คน ไล่มาตั้งแต่ นายสุธา ชันแสง นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล นายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ และ นายอุดมเดช รัตนเสถียร
เฉลี่ย 3 เดือนต่อคน
ส่วนนายวิฑูรย์ ถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ย
เพราะเดือนเดียวก็จะไปซะแล้ว