ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อการอภิปรายดำเนินมาจนถึงเวลา 16.30 น. ในหัวข้อ “การทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างมีประสิทธิภาพ”
ที่มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย นายพินิจ จันทรสุรินทร์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ทำหน้าที่เป็นวิทยากรร่วมบรรยาย เจ้าหน้าที่พรรคเพื่อไทยได้มาประสานขอความร่วมมือสื่อมวลชนให้การสัมมนาหัวข้อดังกล่าวมีเฉพาะ ส.ส.และสมาชิกพรรคเท่านั้น ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนพอดี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อสื่อมวลชนออกจากห้องสัมมนาแล้ว ร.ต.อ.เฉลิมได้พูดเกริ่นว่า “เดี๋ยวจะพูดคุยกับอดีตนายกรัฐมนตรี เอ้าเรามาพบกับท่านกันเลย” จากนั้นมีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งยื่นโทรศัพท์มือถือจ่อที่ไมโครโฟน ซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นโทรศัพท์ส่วนตัวของ น.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ บุตรสาวนายสมชาย นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์
จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวผ่านมายังไมโครโฟนที่ต่อไปยังเครื่องขยายเสียงให้ ส.ส.ที่กำลังนั่งร่วมสัมมนาฟังว่า
“ขอขอบคุณทุกคนที่ยังเป็นกำลังใจให้กับผม ผมมั่นใจว่าจะได้กลับประเทศไทย จากที่เคยประกาศว่าจะวางมือทางการเมือง แต่การกลั่นแกล้งกลับมากขึ้น ก็ขอบอกใหม่ว่าพร้อมที่จะกลับไปสู้ เพราะถ้ายอมแพ้เท่ากับประชาชนที่เคยได้ประโยชน์จากนโยบายพรรคไทยรักไทยทุกคนต้องได้รับผลกระทบ การถูกรังแกขนาดนี้เป็นการแสดงให้เห็นว่ามีคนไม่ต้องการให้มีใครทำงานให้ประชาชนอย่างแท้จริง ความรับผิดชอบบนแผ่นดินไทยของผมยังมีอยู่ การที่เขาชนะและคิดว่าจะต้องล้มผมให้ได้ ก็ต้องกล่าวหาว่าไม่จงรักภักดี ซึ่งไร้สาระที่สุด”