"เฉลิม ”ขู่เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลทั้งคณะ เผยกำลังศึกษารายละเอียดของข้อมูลใหม่ที่ไม่น้ำเน่า เพื่อใช้เป็นหมัดน็อคนายกฯแม้จะปรับครม.ก็หนีไม่พ้น ทำเหนียมคุณสมบัติตนเองเหมาะสมนายกฯ
เมื่อเวลา 12.20 น. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมการสัมมนาพรรคเพื่อไทย ที่โรงแรมกรีนนารีย์ รีสอร์ท เขาใหญ่ ถึงความคืบหน้าในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ขณะนี้ยังไม่มีการพิจารณากำหนดเวลาที่ฝ่ายค้านให้รัฐบาลทำงาน ต้องดูสถานการณ์ต่อไป ถ้าควรยื่นญัตติก็จะพิจารณาใน 2 ภาคส่วนคือ รายบุคคลหรือทั้งคณะ การเมืองวันนี้ไม่ใช่ดูเฉพาะการบริหารประเทศว่าเสียหายมากน้อยเพียงใด ต้องดูพฤติกรรมของบางพรรคในอดีตด้วยว่า กระทำการให้เกิดความเสียหายหรือไม่ เอาทรัพย์สินราชการไปใช้หรือเกิดความเสียหายอย่างไรบ้าง ที่สำคัญคือ เอกสารหลักฐานต่างๆต้องชัด
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า รัฐมนตรี 2-3 คนที่มีข่าวว่าอาจถูกปรับออกนั้นก็เป็นส่วนหนึ่ง
แต่เมื่อเช้านี้เห็นข่าวว่า สุเทพ(นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี) ลั่น ไม่ปรับครม. ถ้าจริงฝ่ายค้านก็งานเข้า เพราะแสดงว่าวันนี้นายสุเทพใหญ่กว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี การปรับครม.ต้องเป็นหน้าที่ของนายกฯ ส่วนกรณีที่นายกฯระบุว่าอีก 2-3 วันจะมีความชัดเจนในเรื่องการปรับครม.นั้น รัฐบาลจะปรับครม.หรือไม่เป็นเรื่องของรัฐบาล แต่หลักฐานของเราจะต้องดูว่าถึงใคร ข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายเป็นอย่างไร ซึ่งตนก็มีส่วนในการตรวจสอบหลักฐานด้วย
“ ข้อมูลที่มีตอนนี้ไม่ใช่แค่รายบุคคล แต่ทั้งคณะ เป้าหมายหลักคือทั้งคณะก็ต้องมีนายกฯอยู่แล้ว ส่วนพวกแจกของ พวกปลากระป๋อง แค่ของแถม เรากำลังรวบรวมเป็นเมนครอส ” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การปรับครม.จะไม่ส่งผลต่อการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจใช่หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่มี ขอเวลาอีกนิด
ตนเป็นมืออภิปรายคนหนึ่งในสภา เท่าที่ดูหลักฐานมันชัดเจน ทางการเมืองแค่มีพฤติกรรมส่อ แล้วหลักฐานลงลึก ลงชัดก็พอแล้ว ตนมีทั้งพยานบุคคล พยานเอกสาร พยานบุคคลนั้นจะพยายามเอ่ยถึงให้น้อยที่สุดเพราะอาจะจะถูกบีบคั้นขู่เข็นได้ ส่วนจะถึงขั้นเมื่อครั้งสปก. 4-01 หรือไม่นั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ครั้งนี้จะหนักกว่า พรรคร่วมรัฐบาลเห็นข้อมูลของฝ่ายค้านมีเหตุผล เถียงไม่ได้ อาจจะโหวตให้เรา มันก็จะหนักกว่า ยื่นญัตติแล้วจะยุบสภาก็ไม่ได้ นายอภิสิทธิ์ก็ต้องไปเลย
สำหรับจำนวนผู้ที่จะอภิปรายนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ก็ต้องดูหลักฐาน กรณีปลากระป๋อง กรณียึดสนามบินสุวรรณภูมิ รัฐมนตรีทำผิดกฎหมาย ก็ต้องดูว่าใครเป็นเจ้าของเรื่อง
และการสัมมนาในวันนี้ก็ไม่ใช่การติวเข้ม เพราะพรรคนี้ระดับอาวุโส พรรษาแก่ทั้งนั้น จำนวนผู้อภิปรายต้องเป็น 10 คน แต่จะเอารูปแบบใหม่ การสรุปจะไม่สรุปแบบระยะเวลากระชั้นชิด ฝ่ายค้านในอดีตจะสรุปประมาณ 5 ทุ่ม มีเวลาชั่วโมงเดียว แต่ครั้งนี้อาจจะเป็นหลังข่าวภาคค่ำ แข่งกับละครหลังข่าว ประชันกันไปเลยจะได้ไม่ต้องเร่ง เอาเนื้อหาสาระ ไม่โหวกเหวกแล้วฝ่ายรัฐบาลนั่งอมยิ้ม รอบนี้นายกฯจะบอกว่าไม่ตอบ มีคำตอบอยู่ในใจไม่ได้เด็ดขาด
“ ถ้ามอบหมายให้ผมเป็นคนสรุป จะสรุปทีละเรื่อง คนฟังจะได้เข้าใจชัดเจน จะพูดแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว จากนี้มาถามเรื่องนี้จะไม่พูดอีกแล้ว เดี๋ยวจะหาว่าไปขู่เขา ” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวและว่า ขอศึกษาข้อมูลทางเทคนิคถึงรายละเอียดต่างเพื่อให้ประชาชนเข้าใจ เพราะถ้าประชาชนไม่เข้าใจมันก็ไม่มีน้ำหนัก จึงไม่จำเป็นต้องเร่งรีบยื่นญัตติ
สำหรับการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีทั้งคณะนั้น ต้องแนบชื่อบุคคลที่พร้อมจะเป็นนายกฯไปด้วยนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า นี่แหละปัญหาเลยต้องช้า
ถ้ารัฐบาลแพ้โหวตคนที่ใส่ชื่อไว้มันจะออโตเมติคทันที เป็นนายกฯทันทีโดยไม่ต้องโหวต ซึ่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยนั้นไม่สามารถทำได้เพราะไม่ใช่ส.ส. " คนมีอีกเยอะ อาวุโสก็เยอะ ถามว่าผมเป็นได้หรือไม่ ถ้าใช้ส่วนสูงก็ถึง " ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวตอบข้อถามที่ว่า หากมีคนเสนอชื่อตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวทิ้งท้ายว่า ขณะนี้เอกสารแผ่นเดียวที่ตนรอ ได้แล้วแล้วและกำลังทำความเข้าใจอยู่ ถ้าเอกสารไหนเด็ดขาดก็ต้องพูดเพียงคนเดียว หากพูดหลายคนน้ำหนักมันจะลด จะนำเสนอให้ประชาชนเข้าใจให้ดีที่สุด และมันต้องทั้งคณะ และน่าจะสมัยประชุมนี้มั่นใจว่าข้อมูลไม่น้ำเน่า อยู่ที่การนำเสนอหลักฐาน ถ้าสื่อลงข่าวไปแล้วก็ถือว่าไม่ใหม่ แต่ของตนไม่ใช่แน่นอน