นายกฯ"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" มีคำสั่งด่วนชะลอการส่งกลับ“โรฮิงญา” 78 คน ที่ถูกจับกุม หลังส่งพญ.คุณหญิงพรทิพย์ลงพื้นที่เก็บข้อมูลตรวจสอบข้อเท็จจริง
กรณีข่าวทำร้ายชาวโรฮิงญาของทหารไทย เผยเบื้องต้นไม่พบข้อมูลต้องสงสัย กลับพบร่องรอยการช่วยเหลือและบาดแผลทารุณกรรมจากทหารพม่า (29ม.ค.) พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการกองนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เปิดเผย ว่า ตนได้รับการสั่งการจากนายกรัฐมนตรีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดระนองด่วน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีข่าวการทำร้ายชาวโรฮิงญาของเจ้าหน้าที่ไทย และกรณีชาวโรฮิงญาถูกทหารพม่าทำทารุณกรรม
“ที่ผ่านมาหลายฝ่ายต่างอ้ำอึ้งไม่มีหน่วยงานใดหรือใครออกมาให้ข้อมูลที่ชัดเจน เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน สำหรับการมาครั้งนี้ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานต้นสังกัด และรัฐบาลให้สามารถให้ข้อมูลและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นได้"
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวต่อว่า จากการที่ตนเดินทางลงมายังจังหวัดระนอง พร้อมเข้าไปตรวจสอบในสภาพที่จริง
กรณีแรกกรณีข่าวการทารุณกรรมของเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยต่อชาวโรฮิงญาเบื้องต้นไม่พบพฤติกรรม หรือวัตถุพยานที่ชี้ให้เห็นเป็นหลักฐานว่าการทำทารุณกรรม จากการที่ได้ลงไปตรวจสอบยังเกาะทรายแดง เกาะทรายดำที่เกิดเหตุ พบแต่ร่องรอยอาหาร ภาชนะบรรจุอาหารที่ฝ่ายไทย และชาวบ้านนำมาให้การช่วยเหลือแก่ชาวโรฮิงญา
ในทางกลับกันเมื่อตนได้เดินทางมาจตรวจสอบชาวโรฮิงญาที่ทางการไทยจับกุมล่าสุด 78 คนเมื่อวันที่ 27 ม.ค.2552 ที่ผ่านมา กลับพบร่องรอยการทำทารุณกรรม
ซึ่งการตรวจสอบลักษระบาดแผลมาจาก 2 ลักษณะ บาดแผลชนิดแรกเกิดการการเฆี่ยนด้วยแส้ ดูจากบาดแผนสันนิษฐานว่ามีการตีที่แรงมาก เพราะหลายคนมีบาดแผลลึก บาดแผลอีกลักษณะที่พบเกิดการการเอาผ้าชุบน้ำมันที่ร้อนมากแล้วจี้ตามร่างกาย ซึ่งเป็นแผลพุพอง จนหลายคนได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องส่งเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลระนอง ล่าสุดอยู่ในความดูแลของแพทย์อีก 4 คน ซึ่งทั้ง 4 คนที่นอนรักษาตัวเมื่อพิจารณาดูจากบาดแผลจะต้องใช้เวลาในการดูแลรักษานานนับเดือนกว่าแผลจะหาย โดยเฉพาะในรายของนายโซตามัน อายุ 20 ปี มีบาดแผลฉกรรจ์มากที่น่องและเท้า อาจจะต้องใช้เวลารักษา 2-3 เดือน โดยบาดแผลทั้งหมดเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ไม่ต่ำกว่า 10 วัน
ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่การทำทารุณกรรมจะเกิดจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย
จากการสอบถามผ่านล่ามทุกคนพูดตรงกันว่าโดนทหารพม่าทำร้าย ขณะลอยลำเรือจะเข้าฝั่งไทย ซึ่งการทำร้ายในลักษณะนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นกับชาวโรฮิงญาที่อพยพเดินทางเข้ามายังประเทศไทย” พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวและว่า จากข้อมูลที่ได้ตนได้รายงานด่วนให้หน่วยงานต้นสังกัด และนายกรัฐมนตรีได้รับทราบโดยเฉพาะบาดแผลที่พบ และร่องรอยการถูกทำร้ายต่างๆ ซึ่งล่าสุดตนได้รับแจ้งจากเลขาธิการนายกรัฐมนตรีว่ารัฐบาลได้ประสานไปยัง ผบ.ตร.เพื่อให้ประสานไปยัง ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เพื่อให้ชะลอการดำเนินการส่งกลับชาวโรฮิงญากลุ่มนี้ออกไปก่อน จนกว่าจะรักษาบาดแผลให้หาย นอกจากนี้ได้ประสานให้โรงพยาบาลระนองออกใบรับรองแพทย์เพื่อใช้ประการในการดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
นายวันชาติ วงษ์ชัยชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง
กล่าวว่าตนกำชับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจ.ผู้บัญชาการเรือนจำ,ด่านตรวจคนเข้าเมืองและโรงพยาบาลระนอง ให้ดูแลกลุ่มบุคคลเหล่านี้ให้ดีที่สุดตามมาตรฐานการดูแลเทียบเท่าคนไทย โดยเฉพาะการรักษาบาดแผลที่โดนทำร้าย สั่งกำชับให้จนท.รักษาให้จนกว่าบาดแผลจะหายดี หรือสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ส่วนการส่งกลับตามกฎหมายการเข้าเมืองผิดกฎหมายก็จะต้องดำเนินการต่อไป แต่ช่วงนี้อาจต้องชะลอออกไปก่อน ซึ่งถือว่ากรณีนี้เป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากที่ผ่านมาไม่เคยมีชาวโรฮิงญาหรือพม่าโดนทำร้ายเช่นนี้มาก่อน การส่งกลับจึงดำเนินได้ตามปกติ แต่เมื่อมีกรณีโดนทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ก็จำเป็นจะต้องรักษาบาดแผลให้ตามหลักมนุษยธรรม