มติชน
"ทักษิณ"แซว"สุรนันทน์"ยังอยู่หรือ "ปุ้ม"ยอมรับครอบครัวเป็นห่วง เผยมีผู้ใหญ่ให้ข้อคิด แต่ยังขอทำงานต่อ ปัดน้อยใจ"เนวิน"ได้คุมงานมากกว่า ด้านเลขาฯ กกต.เผยเลขาฯ ครม.เตรียมทูลเกล้าฯ พ.ร.ฎ. 15 ส.ค. คาดจัดเลือกตั้งครั้งใหม่ใช้เงินอีก 3 พันล้าน
@ "แม้ว"แซว"สุรนันทน์"ยังอยู่หรือ
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เดินทางไปที่ทำการพรรคไทยรักไทย เมื่อเวลา 09.55 น. วันที่ 14 กรกฎาคม พร้อมด้วยคุณหญิงพจมาน ภริยา นายพานทองแท้ น.ส.พิณทองทา และ น.ส.แพทองธาร โดยพ.ต.ท.ทักษิณได้ขับรถยนต์มาด้วยตนเอง เพื่อเป็นประธานในพิธีทำบุญเลี้ยงพระเนื่องในโอกาสครบรอบ 8 ปี พรรคไทยรักไทย
เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางไปถึงและเห็นนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีข่าวว่าจะลาออก มายืนรอรับที่ประตูทางเข้าที่ทำการพรรค จึงกล่าวแซวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า "อ้าว! ยังอยู่หรือ เห็นว่าก้ำกึ่งอยู่" นายสุรนันทน์กล่าวตอบกลับไปว่า "เมื่อกี้สื่อก็แซวผมว่าพกซองลาออกมาด้วยหรือเปล่า" จากนั้นทุกคนต่างพากันหัวเราะก่อนจะเดินเข้าที่ทำการพรรค
พ.ต.ท.ทักษิณให้สัมภาษณ์ถึงการดำเนินการทางการเมืองของพรรคในปีต่อไป ว่า จะเดินหน้าให้เป็นพรรคของประชาชนเพื่อประชาชนต่อไป ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่สถานการณ์การเมืองขณะนี้ค่อนข้างวุ่นวาย พรรคจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า ก็เดินหน้ายึดหลักประชาธิปไตยอย่างเดียวเลย เมื่อถามอีกว่า จะทบทวนบทบาทของพรรคหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาถูกโจมตีค่อนข้างมาก พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า "อ๋อ.. มันธรรมดา ไม่ต้องทบทวน ทำงานให้ดีที่สุด แต่ก็พยายามหาแนวร่วมให้มาก เพราะบางคนเป็นแนวร่วมไม่ได้ก็ออกไปเป็นศัตรู การหาแนวร่วมก็คือพยายามสร้างการมีส่วนร่วม"
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสุรนันทน์ออกมาระบุว่า พรรคควรรับฟังเสียงข้างน้อยบ้าง พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า "ก็ฟังอยู่แล้ว ทำไมไม่ฟัง (หัวเราะ)" แล้วเดินเลี่ยงกลุ่มผู้สื่อข่าวขึ้นลิฟต์ไป
@ "ปุ้ม"ปัดไขก๊อกเพราะน้อยใจ"เนวิน"
นายสุรนันทน์ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมพิธีทำบุญถึงกระแสข่าวการลาออก ว่า ระยะเวลา 11 ปี ที่ตนร่วมงานกับ พ.ต.ท.ทักษิณมา ตนได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ กรณีการแบ่งงานในสำนักนายกรัฐมนตรีกันใหม่ ทุกคนก็ได้งานเพิ่ม ทั้งตนและนายเนวิน ชิดชอบ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ทำงานร่วมกันได้ จึงยืนยันว่าตนไม่คิดน้อยใจเรื่องการแบ่งงานตามที่เป็นข่าว
สำหรับกรณีที่มีกระแสข่าวว่าทางญาติและครอบครัวต้องการให้ลาออกนั้น นายสุรนันทน์กล่าวว่า เมื่อการเมืองค่อนข้างขัดแย้งกันโดยมีความเห็นที่รุนแรง ทำให้ญาติๆ แสดงความเป็นห่วงโดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัย ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่การเมืองจะมีความขัดแย้งบ้าง แต่ญาติตนไม่ได้ก้าวก่ายเรื่องการทำงาน และให้เกียรติกันและกัน จึงไม่มีแรงกดดันแต่อย่างใด นอกจากนี้ ก็มีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองก็แสดงความเป็นห่วงและได้ให้ข้อคิดกับตน
เมื่อถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่าข่าวลาออกไม่จริง นายสุรนันทน์กล่าวว่า ในวันนี้ยังทำงานอยู่และจะทำงานจนถึงจุดที่ว่าไม่เป็นประโยชน์ก็จะยุติ แต่วันนี้ยังคงต้องรับผิดชอบต่อบ้านเมืองและพรรค และเชื่อมั่นว่าหากนักการเมืองของพรรคยังมีอุดมการณ์ที่ทำงานอย่างแท้จริง ตนก็ยังคงร่วมกับพรรค ดังนั้นเรื่องการลาออกจึงเป็นเพียงข่าวลือ
@ ทรท.เตรียมพยานบุคคลแจงศาลรธน.
ส่วนกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์รับคำร้องคดียุบ 5 พรรคการเมืองไว้วินิจฉัยนั้น นายไพบูลย์ วราหะไพฑูรย์ เลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า นายอุระ หวังอ้อมกลาง ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ได้ลงนามในหนังสือที่ขอให้พรรคการเมืองที่ถูกเสนอยุบทั้ง 5 พรรค ได้ชี้แจงข้อกล่าวหาโดยให้ตอบมาภายใน 15 วัน ซึ่งส่วนใหญ่คำชี้แจงจะเป็นเอกสารหนังสือ แต่หากพรรคใดประสงค์จะนำพยานบุคคลมาชี้แจงก็สามารถแจ้งมาที่ศาลได้
นายโภคิน พลกุล รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า ทางพรรคได้เตรียมพยานบุคคลไว้ชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญแล้ว โดยจะชี้แจงตามความเป็นจริง ไม่ปรักปรำใครในศาล
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า มั่นใจในความบริสุทธิ์และพร้อมที่จะชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อศาลรัฐธรรมนูญส่งคำร้องมาที่พรรคก็จะชี้แจงกลับไป ตนไม่รู้สึกเป็นห่วงเรื่องนี้ ไม่มีปัญหา มั่นใจว่าชี้แจงได้
@ กกต.แจงสอบยุบ"ชท.-พมช."
นายปกครอง สุนทรสุทธิ์ รองเลขาธิการ กกต. ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ แถลงกรณีการสอบสวนการร้องเรียนให้ยุบพรรคมหาชนและพรรคชาติไทย ว่า กกต.ดำเนินการตามคำร้องเรียนของ ร.ต.ฉลาด วรฉัตร และพวก ตามหนังสือลงวันที่ 14 มิถุนายน 2549 ซึ่งร้องเรียนต่อประธาน กกต. ในคำร้องที่ไม่ส่งผู้สมัครและเชิญชวนให้ประชาชนไปลงคะแนนในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน ซึ่งเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย ขณะนี้เรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวน
@ กกต.คาดใช้งบฯเลือกตั้งใหม่3พันล.
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีการประชุมชี้แจงและสรุปผลการดำเนินงานตามโครงการตรวจสอบการเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว.ครั้งที่ผ่านมา โดยมี ผอ.กต.จังหวัด 76 จังหวัด และองค์กรเอกชนตรวจสอบการเลือกตั้ง 150 องค์กรเข้าร่วม โดย พล.ต.ต.เอกชัย วารุณประภา เลขาธิการ กกต. บรรยายพิเศษตอนหนึ่งว่า การเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งที่จะถึง เท่าที่ประสานเลขาธิการ ครม.คาดว่าจะทูลเกล้าฯ พ.ร.ฎ.วันที่ 15 สิงหาคม เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย มีผลบังคับใช้วันที่ 24 สิงหาคม และคาดว่าจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 15 ตุลาคม ตนจึงได้เตรียมความพร้อม โดยได้คุยกับผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ แต่สำนักงบประมาณบอกว่าตอนนี้รัฐบาลไม่มีเงิน และยังบอกว่าการเลือกตั้ง ส.ส.วันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา กกต.เหลืองบประมาณในการจัดการเลือกตั้งเท่าไหร่จะขอคืนได้หรือไม่ ตนก็บอกว่าไม่ได้เพราะติดปัญหาข้อกฎหมาย แต่คงเอาไปรวมกับงบฯจัดเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งคาดว่าจะของบประมาณ 3,000 ล้านบาท
@ กกต.ไฟเขียวเก้าอี้"รองพล-พีรพันธุ์"
นายปกครอง สุนทรสุทธิ์ รองเลขาธิการ กกต.ในฐานะรองโฆษก กกต. กล่าวว่า ตามที่ ครม.มีมติ เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม แต่งตั้งนายรองพล เจริญพันธุ์ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ ครม.และแต่งตั้ง พล.ต.ต.พีรพันธุ์ เปรมภูติ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และได้ส่งรายชื่อให้ กกต.เห็นชอบตามรัฐธรรมนูญมาตรา 215 วรรค 2 ซึ่ง กกต.ได้พิจารณา เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม และมีมติเห็นชอบตาม ครม. เนื่องจากแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในระดับเดียวกัน หรือในระดับที่สูงขึ้นในหน่วยงานเดียวกันไม่ก่อให้เกิดความได้เปรียบหรือเสียเปรียบในการทางการเมือง
@ "วาสนา"ยื่นศาลฎีกาอีกขอโอนคดี
แหล่งข่าวผู้พิพากษาในศาลฎีกา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต. กับพวกยื่นคำร้องขอโอนคดีที่นายประหยัด เสมาพัฒน์ อดีตนายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลปากนคร อ.เมืองนครศรีธรรมราช ยื่นฟ้อง กกต.ทั้งคณะ จากศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชมาพิจารณาคดีที่ศาลอาญา กรุงเทพฯ มาให้นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ ประธานศาลฎีกาพิจารณาอีก 1 ฉบับ โดยอ้างเหตุความไม่สงบใน 3 จังหวัดภาคใต้ลุกลามมายังจังหวัดนครศรีธรรมราช และมีกลุ่มที่ไม่พอใจชุมนุมประท้วงและอาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยในชีวิตได้
แหล่งข่าวผู้พิพากษาในศาลฎีกากล่าวว่า ตามขั้นตอน ศาลฎีกาต้องส่งคำร้องขอโอนคดีไปยังศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ให้สอบถามฝ่ายโจทก์ว่าจะคัดค้านหรือไม่ แต่ว่าคดีนี้ พล.ต.อ.วาสนายื่นคำร้องขอโอนคดีต่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชและศาลสอบถามฝ่ายโจทก์แล้ว ซึ่งฝ่ายโจทก์แถลงขอคัดค้าน ดังนั้นศาลฎีกาจึงไม่จำเป็นต้องส่งคำร้องขอโอนคดีไปยังศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชอีก โดยจะรอให้ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชส่งสำนวนคำร้องขอโอนคดีของ พล.ต.อ.วาสนา และคำคัดค้านของโจทก์ฉบับจริงมาให้ศาลฎีกา จึงจะเสนอประธานศาลฎีกาพิจารณาและมีคำสั่งว่าจะอนุญาตหรือไม่ได้ภายใน 1 วัน หลังจากนั้นจะต้องส่งกลับไปให้ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชอ่านต่อหน้าโจทก์และจำเลย