วันนี้ (26 ม.ค.) นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล)
กล่าวถึงมาตรการการควบคุมเสียงในสภาผู้แทนราษฏรในการประชุมวันนี้ว่า วิปรัฐบาลมียุทธศาสตร์ชัดเจนเพื่อควบคุมไม่ให้เกิดองค์ประชุมล่ม โดยกำหนดให้มีการควบคุมเสียงรัฐบาลกันเอง ในสัดส่วน 1 ต่อ 5 แต่เชื่อว่า ส.ส.จะรับผิดชอบต่อองค์ประชุม โดยเฉพาะในสถานการณ์เช่นนี้ ประชาชนคาดหวังว่าสภาฯจะเป็นทางออกของวิกฤต จึงไม่ควรทำให้องค์ประชุมมีปัญหา นายชินวรณ์ กล่าวต่อว่า เวลา 08.00 น.วิปรัฐบาลจะนัดประชุมเพื่อตรวจสอบระบบการสื่อสารถึงเพื่อนสมาชิกหากมีความจำเป็นต้องไปเข้าร่วมประชุมกรรมาธิการ หรือลงไปรับเรื่องร้องเรียน วิปรัฐบาลจะต้องรับรู้และรับทราบ เพราะถ้าหากมีความจำเป็นต้องติดตามตัวเป็นกรณีพิเศษ ก็จะสามารถดำเนินการติดตามตัวได้อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ประธานวิปรัฐบาล กล่าวเชื่อมั่นว่า จะได้รับความร่วมจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะภายหลังที่ประชุมวิป 3 ฝ่าย ยืนยันพร้อมเข้าร่วมประชุมร่วม 2 สภาฯ ในวันนี้
เพื่อพิจารณากรอบข้อตกลงและสัญญาเกี่ยวกับการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน หรือ อาเซียนซัมมิท ซึ่งถือว่าเป็นความจำเป็นเร่งด่วน โดยจะให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะแถลงชี้แจงต่อรัฐสภา และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมร่วมกันของรัฐสภา สมัยสามัญทั่วไป ครั้งที่ 1 ในวันนี้ จะเริ่มขึ้นเวลา 09.30 น. โดยวาระสำคัญคือ
การพิจารณาให้ความเห็นชอบกรอบข้อตกลงอาเซียน ที่ต้องนำไปใช้ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ เช่น เอกสารความร่วมมือกับประเทศคู่เจรจาในกรอบอาเซียนบวกสาม และการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก กรอบการเจรจายกร่างขอบเขตอํานาจหน้าที่ขององค์กรสิทธิมนุษยชนอาเซียน และกรอบการเจรจาประเด็นกฎหมายภายใต้กฎบัตรอาเซียน ภายใต้การพิจารณาของคณะผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายระดับสูง ว่าด้วยกฎบัตรอาเซียน ความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน ข้อตกลงยอมรับร่วมสาขาวิชาชีพแพทย์ของอาเซียน ข้อตกลงยอมรับร่วมสาขาวิชาชีพทันตแพทย์ของอาเซียน และกรอบข้อตกลงยอมรับร่วมสาขาวิชาชีพบัญชีของอาเซียน ร่างกรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยการอํานวยความสะดวกในการขนส่งข้ามแดน ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสหภาพพม่า ว่าด้วยความร่วมมือเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์โดยเฉพาะสตรีและเด็ก และร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงแรงงานแห่งสาธารณรัฐเกาหลี และกระทรวงแรงงาน แห่งราชอาณาจักรไทย ว่าด้วยการจัดส่งแรงงานไทยไปสาธารณรัฐเกาหลีภายใต้ระบบการจ้างแรงงานต่างชาติ