สีแดงนัดชุมนุมใหญ่31ม.ค.ยันทักษิณโฟน-อิน แน่

สีแดงนัดชุมนุมใหญ่ 31 ม . ค .ยัน แม้ว โฟน-อิน แน่ เดินสายยื่นหนังสือ 9 ประเทศ อาเซียน เตรียม แฉ คนสั่งการยึดสนามบิน ขู่เด้ง อธิบดี ดีเอสไอ เจอปิดล้อมแน่ ตั้งสถาบัน เสื้อแดง ออกพาสปอร์ต ประจำกลุ่ม เผย "สมัคร" ถึง คืนนี้ ไม่อยากพบใคร

เมื่อเวลา
10.15 น. ที่ห้างอิมพีเรียลลาดพร้าว สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ดี-สเตชั่น นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจักรภพ เพ็ญแข และนายก่อแก้ว พิกุลทอง ร่วมกันแถลงข่าวความเคลื่อนไหว โดยนายวีระ กล่าวว่า สิ่งที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า คนเสื้อแดงแตกกัน ตนไม่ได้ประเมินค่าข่าวจนตกใจ แต่เรื่องอะไรที่จะเป็นปัญหาเนื้อในตน อยากจะชี้แจงให้สมาชิกได้ทราบว่า สิ่งที่จะพิสูจน์ได้ คือ ในวันชุมนุมใหญ่วันที่ 31 ม.ค. ตั้งเวลา 16.00 น. เป็นต้นไป ที่พวกเราจะจัดชุมนุมใหญ่ ซึ่งจะเป็นการพิสูจน์ได้ดีกว่าคำพูด แต่การจัดชุมนุมไม่ได้พิสูจน์ว่าเสื้อแดงแตกกันจริงหรือไม่ แต่สาเหตุที่จัดชุมนุม เพราะรัฐบาลไม่ได้ตอบคำถาม ถึงความชอบธรรมในการบริหารประเทศ รัฐบาลไปยอมรับอำนาจนอกระบบ เพียงเพื่อให้ตัวเองได้เป็นผู้บริหาร รัฐบาลยังไปตั้งผู้ที่เกี่ยวข้องกับการยึดทำเนียบฯและสนามบินมาเป็นรัฐมนตรีและที่ปรึกษารัฐมนตรี

 นอกจากนี้การโยกย้ายข้าราชการ และการเตรียมแต่งตั้งข้าราชการในครั้งต่อไปรัฐบาลไม่ได้คำนึงถึงสิ่งที่เคยประกาศไป ทั้งเรื่องความสมานฉันท์ ขจัดความขัดแย้งในชาติ เป็นการสวนทางกับการทำงานของรัฐบาลมาโดยตลอด อีกทั้งการดำเนินการเรื่อง สปก. 4-01 รัฐบาลก็ไม่ได้ตระหนักถึงความเสียและความเสียหายที่เกิดขึ้น รวมทั้งกรณีการแจกปลากระป๋องเน่าให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วม เรื่องนี้อยากให้มีการติดตามให้ดีๆ เพราะมันเป็นการทุจริต ซึ่งอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่คาดไม่ถึงก็ได้

 นายจักรภพ กล่าวว่า เราได้เห็นภาพพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของนายบารัค โอบามา ทำให้เราเกิดความเปรียบเทียมขึ้นมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขณะที่ประเทศที่เคารพประชาธิปไตยอย่างสวยสดงดงาม แต่ประเทศเรารัฐบาลที่มาแบบไม่ถูกต้อง และกำลังทำเหมือนกับว่าชาวโลกเขามองไม่เห็น ตรงนี้เป็นสิ่งที่มวลชนคนเสื้อแดงมีความกังวล ส่วนที่มีเสนอข่าวทำนองอยากให้รัฐบาลทำงานไปก่อน ก็เสมือนปล่อยให้สิ่งที่ผิดยิ่งผิดหนักขึ้น ยิ่งถลำลึกเข้าไปในความไร้เกียรติยศของประเทศไทย และด้วยเหตุผลดังกล่าวกลุ่มเสื้อแดงจึงดำเนินการ 2 เรื่องเร่งด่วน คือ 1. เราจะเดินทางไปยังสถานเอกอัครราชทูตทั้ง 9 ประเทศเพื่อยื่นหนังสือ เริ่มตั้งแต่วันศุกร์ที่ 23 ม.ค.เวลา 10.00 น. จะไปที่สถานทูตพม่า 10.30 น. สถานทูตสิงคโปร์ วันจันทร์ที่ 26 ม.ค. เวลา 10.00 จะไปสถานทูตฟิลิปปินส์ เวลา 11.00 น. สถานทูตอินโดนิเซีย วันอังคารที่ 27 ม.ค. 10.00 น.จะไปสถานทูตบรูไน 11.00 น.สถานทูตกัมพูชา และวันพุธที่ 28 ม.ค. 10.00 น. จะไปสถานทูตเวียดนาม 11.00 น.สถานทูตมาเลเซีย และวันพฤหัสบดี 29 ม.ค. 10.00 น. จะไปสถานทูตลาว ซึ่งสาระสำคัญที่เราเดินทางไป คือ เราสนับสนุนการทำงานรวมทั้งการจัดประชุมของกลุ่มประเทศอาเซียน แต่เราไม่สนับสนุนรัฐบาลที่ขาดความชอบธรรม ให้เป็นผู้แทนของคนไทยไปเจรจา หรือพูดง่ายๆคือ เราไม่ยอมรับรัฐบาลของตัวเอง และที่มีการถามว่าการกระทำดังกล่าวจะทำให้เสื่อมเสียต่อประเทศหรือไม่นั้น ขอบอกว่าเราสูญเสียตั้งแต่มีรัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศแล้ว หากไม่มีการแก้ไขก็จะยิ่งทำให้เสื่อมเสียมากขึ้น อย่างไรก็ตามการไปยื่นหนังสือถึงสถานทูตต่างๆนั้น เราจะไม่เรียกร้องให้ทูตแต่ละประเทศตัดสินใจอะไร เพราะเคารพอธิปไตยของแต่ละประเทศ

นายจักรภพ กล่าวว่า เราจะดำเนินการเกี่ยวกับผู้ก่อการร้ายที่ยึดสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง เราเคยพูดหลายครั้งแล้วว่าจะดำเนินการอย่างไม่ปล่อย และเมื่อได้ผู้กระทำที่อยู่หน้าฉากแล้ว เราจะลงลึกไปยังผู้ที่อยู่หลังฉากว่าเป็นใครเป็นผู้สั่งการที่ให้ยึดสนามบินทำให้ประเทศชาติเสียหายนับแสนล้าน เมื่อมีรัฐบาลของตัวเองมาแล้วก็เพิกเฉยแต่ไม่มีการดำเนินการใดใด ที่เชื่อได้ว่าจะดำเนินการไปถึงผู้กระทำผิด ให้มารับการลงโทษ นอกจากนี้ในการชุมนุมวันที่
31 ม.ค. ตนจะเล่าถึงขั้นตอนเกี่ยวกับขบวนการก่อการร้าย และนัดแนะกัน ในวันดังกล่าวจะเป็นรูปธรรมว่าขั้นตอนเป็นอย่างไร รวมทั้งยังจะไปยื่นหนังสือถึง องค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ และอาจตั้งคณะผู้แทนไปเจรจาในต่างประเทศด้วย เพื่อจะชี้ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการก่อการร้าย ทำร้ายคนไทยทั้งประเทศและจากนี้ไป เรื่องนี้ก็จะตามหลอกหลอน ทั้งรัฐบาลชุดนี้และคนของพันธมิตรที่ไปขึ้นเวทีจนได้เป็นรัฐมนตรี เรื่องจะไม่มีวันสิ้นสุด จนกว่าจะรู้ความจริงว่ามีการเล่นกลหลอกประชาชนกันอย่างไร

 นายจักรภพ กล่าวว่า ในคืนวันที่ 21 ม.ค. เวลา ประมาณ 23.45 น. นายสมัครจะเดินทางมาถึงประเทศไทย เพื่อพักรักษาตัวแต่ท่านก็ฝากขอร้องว่าการเดินทางมาครั้งนี้ เพื่อพักฟื้นร่างกาย ยังไม่พร้อมที่จะรับแขกจำนวนมาก และเมื่อเดินทางมาถึงแล้วก็จะเดินทางไปที่บ้านพักทันที
 นายจักรภพ กล่าวถึงการตั้งสถาบันคนเสื้อแดงว่า กำลังดำเนินการอยู่ในขั้นตอนสุดท้าย โดยรูปแบบจะตั้งเป็นสำนักงานในแต่ละจังหวัด เหมือนเป็นศูนย์ประสานงาน โดยความตั้งใจก็เพื่อพัฒนาประชาธิปไตย ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวได้ไม่เกินวันที่ 1 ก.พ. โดยจะมีสมุดประจำตัวขนาดเล็กของคนเสื้อแดงคล้ายๆพาสสปอร์ต ซึ่งจะบอกรายละเอียดเกี่ยวกับคนเสื้อแดง ร่วมทั้งวิธีการเคลื่อนไหว  นายจตุพร ยืนยันว่าภายหลังจากที่นายอภิสิทธิ์จัดรายการ เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ เสร็จสิ้น พ.ต.ท.ทักษิณ จะโฟนอินมายังสถานีดี-สเตชั่นทันที โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมงเต็ม โดยพวกเราจะเป็นผู้ร่วมจัดรายการสนทนากับท่าน จะมีทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง สังคม ในมุมมองของ พ.ต.ท.ทักษิณ

 นายจตุพร กล่าวว่า วันนี้เชื่อว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์จะให้วิธีการล้างบางข้าราชการ และจะดำเนินการไปยังกระทรวงอื่นๆด้วย โดยเป้าหมายของพรรคประชาธิปัตย์นั้น คือ อธิบดี DSI เนื่องจากดีเอสไอได้เข้าไปตรวจสอบคนของพรรคประชาธิปัตย์ในหลายๆคดี เช่น คดี ปรส. ในยุครัฐบาลนายชวน หลีกภัย มูลค่าความเสียหาย กว่า 6.5 แสนล้าน คดีฮั้วประมูล 16 โครงการมูลค่า 2 หมื่นล้าน สมัยนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เป็นว่าฯ กทม. รวมไปถึงคดีรถและเรือดับเพลิง คดีของ บ.ทีพีไอที่โอนเงินไปให้บริษัทประชาสัมพันธ์ และโอนไปยังบุคคลในพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งทั้งหมดดีเอสไอ ได้เข้าไปตรวจสอบและเกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ทั้งสิ้น นอกจากนี้การที่ตำรวจออกมาเคลื่อนไหวร่วมลงชื่อเรียกร้องให้ปลด ปปช. แต่คนของพรรคประชาธิปัตย์กลับออกมาตำหนิตำรวจที่ออกมาดำเนินการเรื่องดังกล่าว และยังพูดเข้าข้างปปช.ก็เป็นเพราะว่ามีหลายคนในพรรคประชาธิปัตย์เป็นตัวประกันใน ปปช. ทั้งนี้หากนายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม โยกย้ายอธิบดี ดีเอสไอ จริง เป้าหมายอีกอย่างหนึ่งของคนเสื้อแดงก็คือไปกระทรวงยุติธรรมทันที

 นายจตุพร กล่าวถึง กรณีสปก. 4-01 ว่าตนทราบมากว่าบริษัทหนึ่งได้รับที่ดินหลายแสนไร่ ซึ่งชื่อคนที่ถือครองเป็นพนักงานของบริษัท ถึงแม้พนักงานบางคนของบริษัทจะลาออกไปแล้ว แต่ยังมีชื่อถือครองอยู่ โดยบริษัทนี้ดำเนินธุรกิจปลูกยูคาลิปตัส เพื่อไปผลิตกระดาษ สรุป คือ สปก.ที่แจกนั้นก็ยังอยู่ในมือเศรษฐีเพียงแต่เอาชื่อราษฎรไปถือสิทธิ์ และที่บอกว่าจะจัดสรรที่ดินอีก 16 ล้านไร่นั้น ก็เป็นเท็จ เพราะเท่าที่ทราบนั้นขณะนี้เหลือพื้นที่เพียง 4 ล้านไร่เศษ และที่จำนวนที่ไม่ใช่ที่เปล่าๆ แต่มีราษฎรไปถือครองไว้หมดแล้ว และหากจะมีการซื้อที่ก็ต้องเอางบประมาณแผ่นไปซื้อที่คืน เพื่อจัดสรรที่ดินให้ประชาชนในรูปสปก. เพราะฉะนั้นการดำเนินการเรื่องนี้มันเหมือนปลากระป๋องชาวดอย รัฐบาลนี้มีสภาพเป็นรัฐบาลปลาเน่า โดยเรื่องการแจกปลากระป๋องนั้น ต่อไปเรื่องนี้จะเป็นเรื่องใหญ่ เพราะแม้แต่การซื้อปลากระป๋องไปแจกราษฎรยังมีการทุจริต แล้วอย่างนี้เรื่องอื่นก็ไว้ใจอะไรไม่ได้เลย

 เมื่อถามว่าในรัฐบาลพรรคพลังประชาชนเคยสั่งย้ายนายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีดีเอสไอ เหมือนกัน หากพรรคประชาธิปัตย์จะสั่งย้ายอธิบดีดีเอสไอ จะแตกต่างกันอย่างไร นายจตุพร กล่าวว่า นายสุนัยมาจาก คมช.ไม่ได้มาตามกระบวนการ เข้ามาด้วยบารมีพิเศษและสุดท้ายนายสุนัยก็กลับไปที่นายสุนัยเคยทำงาน คือ ไปอยู่ที่ศาล แต่กรณีนี้เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าการนำคนจากศาลมาทำหน้าที่มันได้เกิดความเสียหายอย่างไร มีการกระทบกระทั่งกันและคดีกลับไปที่ศาลนั้น ความน่าเชื่อถือมันก็หมดไปด้วย ฉะนั้นกรณีนี้จึงเปรียบเทียบกันไม่ได้

 นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า กรณีการแจกปลากระป๋องยี่ห้อชาวดอย เรื่องนี้ทำท่าจะยาวเป็นมหากาพย์ เพราะฝ่ายการเมืองโดยเฉพาะบุคคลในกระทรวงพัฒนาสังคมฯ เข้าไปมีส่วนในการจัดซื้อและที่สำคัญมีส.ส.หญิงคนหนึ่งเข้าไปเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างด้วย โดยส.ส.คนดังกล่าวเป็นส.ส.อีสานคิดว่านายวิทูรย์ นามบุตร น่าจะรู้จักเป็นอย่างดี เรื่องนี้รัฐบาลประชาธิปัตย์ตั้งแต่นายชวน ที่เป็นเจ้าของจริยธรรมทางการเมือง รวมไปถึงบุคลลอื่นๆในพรรคน่าจะออกมาแสดงความชัดเจน และมีคำอธิบายต่อประชาชนมากกว่านี้ เรื่องนี้อาจจะป็นคดีประวัติศาสตร์ทางการเมืองได้ ที่จะทำให้รัฐบาลประชาธิปัตย์ตกกระป๋องในเวลาอันสั้น
 

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์