หลวงพ่อพระพยอม กัลยาโณ วัดสวนแก้ว งานเข้าอีกแล้ว ถูกกลุ่มพันธมิตรออกมาด่าอีกครั้ง
หลังตัดสินใจร่วมจัดรายการทีวีกับกลุ่มนปช. และบังอาจไปแตะต้อง วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเป็นลูกหนี้ดูแล้วน่าสงสาร เพราะถูกกลุ่มพันธมิตรคอยทวงบุญคุณ ต้องหาทางตอบแทนอยู่ตลอดเวลา
ก่อนหน้านี้ ก็เคยถูกแกนนำม็อบเสื้อเหลือง ทั้งนายสนธิ ลิ้มทองกุล นายประพันธ์ คูณมี ขึ้นเวทีทำเนียบด่าทออย่างเสียๆ หายๆ มาแล้ว
เพราะกล้าที่จะวิพากษ์การกระทำของม็อบมีเส้นอย่างตรงไปตรงมา
ล่าสุด ถึงคิวนายสุริยะใส กตะศิลา ออกมาเล่นงานเข้าให้บ้าง
โดยระบุว่าพระพยอมมีความสัมพันธ์กับแกนนำนปช.และเครือข่ายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถึงขนาดเปิดวัดให้กลุ่มคนเสื้อแดงชุมนุมมาแล้ว
นายสุริยะใสอ้างว่ารัฐบาลนี้ไม่ได้เป็นลูกหนี้พันธมิตร เพราะพันธมิตรไม่เคยไปทวงบุญคุณอะไร
การเคลื่อนไหวของพันธมิตร ทั้งการทวงคืนเขาพระวิหาร ทวงคืนรัฐวิสาหกิจ รวมถึงการเมืองใหม่ เป็นผลประโยชน์ของประชาชนล้วนๆ
ขึ้นธรรมมาสน์สั่งสอนต่ออีกว่าอยากให้พระพยอมไปทบทวนบทบาทที่ผ่านมาด้วยว่าเหมาะสม และทำให้สังคมเข้าใจกลุ่มพันธมิตรผิดหรือไม่
ประโยคทีเด็ดของนายสุริยะใสเห็นจะได้แก่คำเทศนาที่บอกว่า
"พระพยอมท่านเป็นพระผู้ใหญ่ ท่านมีสิทธิที่จะพูดเรื่องการเมือง แต่ท่านต้องไม่พูดเท็จหรือพูดความจริงเพียงครึ่งเดียว เพราะท่านเป็นพระห่มผ้าเหลือง และท่านก็คงทราบดีว่าผู้ที่ครองตนในเพศบรรพชิตพูดจาสองแง่สองง่ามก็ผิดศีลหรือเข้าข่ายมุสาได้เช่นกัน"
ไม่น่าเชื่อว่าการเมืองภาคประชาชนในรูปแบบนายสุริยะใส จะเข้มข้น อาละวาดกับพระได้ถึงขนาดนี้
ต้องจับตาดูกันต่อไปว่าเมื่อพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล นายสุริยะใสจะทวงคืนทรัพย์สมบัติของชาติ เอารัฐวิสาหกิจกลับคืนมาหรือไม่
รวมถึงจะบอกให้นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ทวงคืนเขาพระวิหารจากเขมรหรือไม่
นอกจากนี้ จะยอมรับการดำเนินคดีที่บุกยึดทำเนียบรัฐบาล ยึดสนามบินหรือไม่ด้วย
ไม่ใช่อ้างแบบข้างๆ คูๆ หลังถูกแจ้งจับคดีทำความเสียหายให้ทำเนียบรัฐบาลว่า เป็นการกระทำของกลุ่มโจรที่แฝงตัวเข้ามา แกนนำพันธมิตรไม่เกี่ยว
ในส่วนของรัฐบาลนั้น ถ้าไม่ยอมรับว่าเป็นลูกหนี้ของพันธมิตรจริง
ก็ต้องดำเนินการอย่างจริงจัง ไม่ใช่สักแต่พูดเอาตัวรอดไปวันๆ