ภูมิใจไทยแต่งตัวหล่อ ทวงเงื่อนไขวัดใจปชป.

ในงานเปิดตัวเข้าร่วม "พรรคภูมิใจไทย" ของ "กลุ่มเพื่อนเนวิน" ที่โรงแรมสยามซิตี เมื่อวันที่ 14 มกราคม

"บิ๊กเนม" ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จเปิดหน้าแสดงตัวตนให้เห็นกันอย่างชัดเจน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพภายในที่ซ่อนอยู่ได้อย่างดี

แม้นับหัว ส.ส.ใน "ภูมิใจไทย" วันนี้ จะยังมีเพียง 32 คน แต่ยี่ห้อ "เนวิน ชิดชอบ" "สมศักดิ์ เทพสุทิน" "สรอรรถ กลิ่นประทุม" "สุชาติ ตันเจริญ" และ "ไชยา สะสมทรัพย์" ย่อมการันตีคุณภาพขุมกำลังในมือได้ว่าไม่น้อยหน้าใคร

เพราะนอกจาก ส.ส.สังกัดพรรคภูมิใจไทยแล้ว "เพื่อนเนวิน" และ "มัชฌิมา" ยังมี "ส.ส.อุ้มบุญ" ไปฝากเลี้ยงไว้กับ "เพื่อไทย" "เพื่อแผ่นดิน" และ "ประชาราช" อีกร่วม 30 ชีวิต ที่พร้อมจะตบเท้าเข้าสังกัดก่อนการเลือกตั้งใหญ่

ยิ่งถ้าหันหลังไปดู "ทุน" ที่จะคอยส่งน้ำเลี้ยงให้ มีทั้ง "เจ้าพ่อคิงเพาเวอร์"

อย่าง "วิชัย รักศรีอักษร" หรือ "เสี่ยหนู" อนุทิน ชาญวีระกูล แห่งอาณาจักร "ซิโน-ไทย" ที่สนับสนุนให้ "เพื่อนเนวิน" และ "สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ" ที่ซับพอร์ต "มัชฌิมา" มาตลอด ยิ่งเย้าชวนให้ "ส.ส.เพื่อไทย" ตัดสินใจแยกตัวออกมาร่วม "ภูมิใจไทย" ได้แทบทุกคน

ทำให้วันนี้ "ภูมิใจไทย" ครบทั้งกำลังคนและกระสุนดินดำ ซึ่งพร้อมที่จะก้าวขึ้นมาเป็น "พรรคใหญ่" ที่ทำให้ "ประชาธิปัตย์" เสียวสันหลังได้ตลอดเวลา

แม้เงื่อนไขทางการเมือง วันนี้ทำให้ "ภูมิใจไทย" ยังไม่สามารถเติบโตได้อย่างเต็มที่ แต่การมีจำนวน ส.ส.ที่เป็นพันธมิตร กว่า 60-70 ชีวิต ทำให้กลายเป็น "พรรคขนาดกลาง" ที่มีผลต่อความอยู่รอดของรัฐบาลมากที่สุด และพร้อมจะเป็นตัวแปรในการ "ล้ม" หรือ "ตั้ง" รัฐบาลได้ในเวลาเดียวกัน

ซึ่งอำนาจต่อรองที่มี จะช่วยให้ "ภูมิใจไทย" ใช้เป็นช่องทางต่อรองในการปฏิบัติภารกิจพิเศษร่วมกันบางอย่าง ให้สำเร็จได้ภายใน 3 ปีของอายุรัฐบาล

เพราะแม้ว่า "ภูมิใจไทย" จะมีขุมกำลัง ส.ส. ที่พร้อมมาอยู่ด้วยมากมาย แต่ขุนพลหลักๆ กลับติดอยู่ในบ้านเลขที่ 111 และ 109 ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี จากคดียุบพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน และมัชฌิมาธิปไตย ย่อมทำให้การเคลื่อนไหวทางการเมืองเป็นไปได้อย่างยากลำบาก

แม้พวก "111" จะเหลือเวลารับโทษเพียง 3 ปีครึ่ง ถึงจะพ้นมลทินและกลับเข้าสู่เส้นทางการเมืองได้ แต่หากนับอายุของสภาผู้แทนราษฎรที่เหลือ 3 ปี เท่ากับว่าบรรดา 111 และ 109 จะหมดกรรมและกลับมาโลดแล่นบนถนนการเมืองอีกครั้งหลังผ่านพ้นการเลือกตั้งทั่วไปอีกอย่างน้อย 1 ครั้ง

ซึ่งอาจจะทำให้หลายๆ อย่างสายเกินไป

หากย้อนไปในช่วง พลิกขั้วจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปัตย์ ที่มีข่าวคราวต่างๆ แพร่สะพัดออกมามากมาย

ตั้งแต่ การตบเท้าเข้าไปคุยกับ "บิ๊กสีเขียว" หรือการเข้าแทรกแซงการจัดรัฐบาลของอำนาจนอกระบบ ...รวมไปถึงข้อเสนอเย้ายวนใจสำหรับการตัดสินใจพลิกขั้วการเมือง ทั้งตำแหน่ง-เก้าอี้ใน ครม. ข้อตกลงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จนถึงนิรโทษกรรมนักโทษการเมืองที่ติดอยู่ใน "111" และ "109" ที่เงียบหายไปหลังช่วยพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ

ดังนั้น การรวมตัวกันของ "ภูมิใจไทย" เป็นการส่งสัญญาณ ให้เห็นว่าถึงเวลาที่จะหยิบจับเอาเงื่อนไขสำคัญในการร่วมรัฐบาลกลับมาพูดคุยกันอีกครั้ง เพื่อผลักดันให้แล้วเสร็จภายในอายุขัย "รัฐบาลอภิสิทธิ์" ซึ่งจะเป็นหนทางที่จะช่วยให้ขุมกำลังหลักของ "ภูมิใจไทย" ได้โอกาสกลับมาสู่สนามการเมืองและเสริมความแข็งเกร่งให้กับพรรค

ยิ่งมีข่าวว่า "ภูมิใจไทย" จะผลักดัน "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย สมาชิก 111 ขึ้นเป็น "หัวหน้าพรรค" และสนับสนุนให้เป็น "นายกรัฐมนตรี" ยิ่งทำให้เห็นชัดว่า "ภูมิใจไทย" กำลังเตรียมความพร้อมทุกด้านเพื่อขึ้นมาเทียบชั้น "ประชาธิปัตย์"

ทุกอย่างจึงอยู่ที่ว่า "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" และ "สุเทพ เทือกสุบรรณ" จะกล้าหัก "เงื่อนไข" ของ "ภูมิใจไทย" เพื่อบอนไซ คู่แข่งสำคัญในอนาคตหรือไม่

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์