นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเมื่อวันที่ 12 มกราคม จะไม่เหลิงกับผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. 26 เขต
ที่พรรคร่วมรัฐบาลกวาดที่นั่งได้ถึง 20 ที่นั่งจากทั้งหมด 29 ที่นั่ง เมื่อวันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมา แม้รัฐบาลครองเสียงข้างมากเพิ่มขึ้นจาก 235 เสียงเป็น 255 เสียงก็ตาม พร้อมกับกล่าวอ้างผลที่ออกมาเช่นนี้เป็นการสะท้อนประชาชนต้องการก้าวข้ามความขัดแย้ง และต้องการให้การแก้ปัญหาต่างๆ เดินไปอย่างรวดเร็วและราบรื่น
ในการให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อเวลา 09.45 น. นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งที่ออกมาสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนต้องการให้ประเทศเดินไปข้างหน้า
ต้องการเห็นความแตกแยกลดลง และต้องการให้การแก้ไขปัญหาต่างๆ เดินไปได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาล แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจาก ส.ส.ทั้งเก่าและใหม่ด้วย จึงถือโอกาสเชิญชวน ส.ส. ไม่ว่าพรรคใด หรือฝ่ายไหนให้มาร่วมกันผลักดันเรื่องสนธิสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการประชุมสุดยอดอาเซียน และเรื่องร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2552 ที่รัฐบาลจะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาในช่วง 2 สัปดาห์แรกของสมัยประชุมนี้ เพื่อให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า สมเจตนารมณ์ที่ประชาชนสะท้อนออกมาผ่านการเลือกตั้ง ทั้งนี้ คาดว่าประชาชนจะเริ่มเห็นผลงานของรัฐบาลที่เป็นรูปธรรมตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป โดยเฉพาะมาตรการด้านเศรษฐกิจ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเมินว่าการได้ที่นั่ง ส.ส.ในภาคเหนือและอีสานสะท้อนอะไร นายกฯกล่าวว่า อย่าเพิ่งด่วนสรุป เป็นเพียงการเลือกตั้งซ่อม
แต่คิดว่าทั่วทุกภาคของประเทศส่งสัญญาณว่าต้องการให้การเมืองก้าวพ้นจากความขัดแย้ง และต้องการให้รัฐบาลแก้ไขปัญหา ซึ่งทุกพรรคการเมืองต้องการมีผู้สนับสนุนทุกพื้นที่ และได้ประกาศไปแล้วว่าจะทำงานเพื่อคนทุกภาค ส่วนที่บางฝ่าย วิเคราะห์เหตุที่พรรคร่วมรัฐบาลชนะเลือกตั้ง เป็นแรงเหวี่ยงจากการที่ประชาชนไม่พอใจการกระทำของกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ขอวิเคราะห์ในรายละเอียด แต่ผลการเลือกตั้งที่ออกมาสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนต้องการให้รัฐบาลเดินหน้าทำงาน วันนี้อยากให้นักการเมืองคิดว่าจะทำอย่างไรให้บ้านเมืองออกจากวิกฤต และเชื่อว่าพรรคการเมืองจะสนองตอบต่อเจตนารมณ์ของประชาชน
สำหรับแนวทางในการประสานงานระหว่างรัฐบาลกับสภานั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขณะนี้พยายามประสานงานกับฝ่ายค้านอยู่
แต่เนื่องจากฝ่ายค้านต้องปรับเปลี่ยนเรื่องผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร จึงต้องใช้กลไกคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไร ผู้สื่อข่าวถามว่า การได้ที่นั่ง ส.ส. ในสภาเพิ่มขึ้น จะทำให้รัฐบาลเหลิงอำนาจหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เรื่องเหลิงอำนาจไม่มีแน่ ยืนยันได้ เสียงของรัฐบาลที่ได้มาเพิ่มเติม ไม่ได้มากกว่าฝ่ายค้านจนถึงขนาดขัดขวางการทำหน้าที่ตรวจสอบของฝ่ายค้าน ซึ่งได้วางแนวทางชัดเจนว่า ครม.ทุกคนต้องยอมรับการตรวจสอบ
นายกฯยังย้ำอีกครั้ง ไม่จำเป็นต้องปรับ ครม.เพราะจำนวนเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลเปลี่ยนไป เนื่องจากได้ประเมินผลการเลือกตั้งล่วงหน้าตั้งแต่ตอนจัดตั้ง ครม.แล้ว หากจะมีการปรับเปลี่ยน ครม. คงเป็นเหตุผลในการทำงาน ไม่เกี่ยวกับตัวเลข ส.ส.