หลายคนชักเริ่มเป็นห่วง ว่าเรื่องที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเตรียมพิจารณาถอดยศของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
จะเป็นการเขย่าอารมณ์ม็อบเสื้อแดง ที่อาละวาดปาไข่อยู่ขณะนี้เป็นเดือดเป็นแค้นขึ้นมาอีก
ที่จริงเรื่องการถอดยศนี้มีการเปิดประเด็นมา ตั้งแต่เมื่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองมีคำสั่งตัดสินจำคุกพ.ต.ท.ทักษิณ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในคดีประมูลซื้อที่ดินรัชดาภิเษก
ก่อนเรื่องจะจางหายไป
กระทั่งเมื่อสามสี่วันก่อน พล.ต.ต.ปัญญา เอ่งฉ้วน ผู้บังคับการกองวินัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าทางกองวินัยตรวจสอบแล้ว
กรณีของพ.ต.ท.ทักษิณ เข้าเงื่อนไของค์ประกอบตามระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการถอดยศตำรวจ พ.ศ.2547 เนื่องจากถูกศาลพิพากษาจำคุกและคดีถึงที่สุดแล้ว
ทางกองวินัยส่งเรื่องไปยังกองกำลังพล เพื่อประมวลเสนอไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคือพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ พิจารณาดำเนินการถอดยศต่อไป
ถึงตรงนี้ ถ้ายึดเอาแต่กฎระเบียบของทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ฟันธงได้เลยว่าพ.ต.ท.ทักษิณยังไงก็ไม่รอดจากการถูกถอดยศแน่นอน
แต่ในมุมการเมืองแล้วเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
จำเป็นที่ผู้มีอำนาจไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องพิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบ
การยืนยันแต่เพียงว่าทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินเรื่องไปตามกฎระเบียบที่วางไว้นั้น ไม่น่าจะเพียงพอต่อการอธิบายว่าแล้วมีจำเป็นอย่างไรถึงต้องเร่งรีบดำเนินการในตอนนี้
เพราะอย่างที่เห็นกันอยู่ ว่าม็อบเสื้อแดงซึ่งก็คือกลุ่มคนที่ยังรักพ.ต.ท.ทักษิณอยู่ ยังทำใจยอมรับไม่ค่อยได้กับการเมืองในตอนนี้ และได้ระบายอารมณ์ใส่รัฐบาลด้วยวิธีการต่างๆ นานา
และเริ่มที่จะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้น การทำอะไรก็แล้วแต่ที่จะไปกระหน่ำซ้ำเติมอารมณ์กลุ่มคนที่ยังมีความคั่งแค้นในใจ จึงเป็นสิ่งที่รัฐบาลพึงระมัดระวังและหลีกเลี่ยง
ที่สำคัญคือเรื่องการถอดยศพ.ต.ท.ทักษิณนั้น ไม่ใช่นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล
หรือพูดอีกอย่างก็คือการถอดยศพ.ต.ท.ทักษิณนั้น จะช้าหรือเร็วก็ไม่ได้ส่งผลดีต่อประเทศชาติประชาชนแต่อย่างใด เผลอๆ อาจจะเป็นผลร้ายมากกว่าด้วยซ้ำไป
รอให้กลุ่มคนรักทักษิณอารมณ์เย็นลงกว่านี้แล้วค่อยดำเนินการก็ยังไม่สาย
ทั้งยังจะสอดคล้องกับนโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลแถลงไว้
คือการเร่งสร้างความสามัคคีสมานฉันท์ของคนในชาติให้เกิดขึ้นโดยเร็ว