การปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในทำเนียบรัฐบาลยังไม่ทันจะเสร็จ สิ้นดี บรรดาข้าราชการและสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลต้องแตกตื่นอีกครั้ง
เมื่อจู่ๆ มีเสียงระเบิดดังขึ้นบริเวณท่อระบายน้ำข้างตึกสันติไมตรี ใกล้กับตึกสำนักปลัดสำนักนายกฯ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา
ถึงจะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่ส่งผลต่อจิตใจของบุคคลที่มาทำงานภายในสถานที่แห่งนี้
นอกจากต้องทำใจกับสภาพพื้นที่ที่ทรุดโทรม ขาดความสง่างามหลังจากถูกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยึดเป็นสถานที่ชุมนุมนานกว่า 3 เดือน
ยังมาเจอเหตุระทึกขวัญ ทั้งที่กำลังจะเปิดให้เด็กๆ เข้ามาร่วมงานวันเด็กแห่งชาติในวันเสาร์ที่ 10 ม.ค.นี้
"พวกผมทั้ง 3 คนได้รับคำสั่งจากหัวหน้างานให้เดินสำรวจความเรียบร้อยของฝาท่อระบายน้ำโดยรอบทำเนียบ เพื่อเตรียมความพร้อมจัดงานวันเด็ก"
นายแดง พรมมืด เจ้าหน้าที่สำนักสถานที่ผู้อยู่ในที่เกิดเหตุเล่าด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
มาถึงจุดเกิดเหตุเห็นฝาท่อซึ่งเป็นปูนซีเมนต์ปิดไม่สนิท กลัวเด็กที่มาเที่ยวงานจะเดินตกลงไป จึงยกฝาท่อซึ่งเป็นตะแกรงเหล็กที่อยู่ติดกับฝาปูนขยับให้เข้าที่ โดยกระแทกลงไปให้สนิท
แต่ทันทีที่กระแทกฝาท่อก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นทันที มีควันลอยขึ้นมา พวกผมไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่รู้สึกตกใจ และหูอื้อมากเพราะเสียงดัง
ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาราชการ จึงมีผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งในส่วนของข้าราชการและสื่อมวลชนจำนวนมาก
เจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาลรายหนึ่ง เผยว่า ระหว่างเดินกลับมาจากตึกสำนักปลัด เห็นเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 คนกำลังยกฝาท่อทั้งฝาปูนและฝาแบบตะแกรงเหล็กขึ้นมาขยับให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนได้ยินเสียงบึ้มดังมาก มีควันขาวลอยพวยพุ่งขึ้นมาจากท่อ
เห็นเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 คนทำท่างงๆ เรางงว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมมีเสียงคล้ายระเบิดดังมาก
ขณะนั้นตำรวจหลังตึกไทยคู่ฟ้าก็วิ่งเข้ามาทันที บอกว่าเป็นเสียงระเบิด ให้รีบถอยห่างออกไป เขาก็กันเรากับเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 คนออกจากฝาท่อระบายน้ำ
ขณะเดียวกันเขาก็วิทยุแจ้งพ.ต.อ.นิตินัย ไชยพิเดช ผู้กำกับการตำรวจของทำเนียบในทันทีว่ามีเหตุเกิดขึ้น
ระหว่างนั้นเห็นรปภ.ของผู้หลักผู้ใหญ่ที่ประชุมบนตึกไทยฯออกมาดูในระยะห่างๆ เห็นข้าราชการสำนักปลัดและสื่อมวลชนแตกตื่น แล้วจับกลุ่มวิจารณ์ ว่าน่าจะเป็นระเบิดที่หลงเหลือจากกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรที่มายึดทำเนียบ
"ตกใจเพราะงงว่าในเมื่อมีการตรวจตราโดยละเอียดไปแล้ว ทำไมยังมีหลงเหลืออีก ทำเนียบรัฐบาลซึ่งเป็นสถานที่ที่ต้องรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยม เป็นเบอร์หนึ่ง แล้วอย่างนี้จะปลอดภัยจริงหรือไม่"
"ห่วงว่าวันใดวันหนึ่งถ้าพลาดขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้น โดยเฉพาะห่วงงานวันเด็ก ไม่อยากให้เกิดเหตุความผิดพลาด"
เจ้าหน้าที่ทำเนียบหลายคนย้ำตรงกันว่า แม้ตำรวจจะบอกว่ามั่นใจได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ถึงความปลอดภัยในงานวันเด็ก แต่หลังเกิดเหตุหลายคนไม่สบายใจ วันนั้นอาจไม่พาลูกหลานมาเที่ยวที่ทำเนียบเพราะไม่มั่นใจ
เหตุที่เกิดขึ้นคงปฏิเสธไม่ได้ว่าทำให้เกิดความตื่นตระหนก เพราะทำเนียบน่าจะเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดแล้ว
ขณะที่ข้าราชการประจำตึกบัญชาการ แม้จะอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุ แต่ก็ได้ยินเสียงระเบิดดัง ตอนแรกคิดว่าเป็นหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิด เพราะเกิดขึ้นบ่อยบริเวณด้านหลังประตู 8 หลังตึกบัญชาการ 2 แต่ครั้งนี้ไปดูพบว่าเป็นระเบิด ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นเพราะมีการเก็บล้างทำเนียบกันอย่างละเอียดแล้ว
เท่าที่ทราบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังมีระเบิดลักษณะนี้หลงเหลืออีกหลายลูก จึงอยากให้ผู้ใหญ่และรัฐบาลเข้มงวดเรื่องความปลอดภัย
เพราะครั้งนี้แม้จะไม่สร้างความเสียหายรุนแรง แต่ในทางกลับกันสถานที่นี้ซึ่งถือว่าเป็นสถานที่ทำงานของผู้นำประเทศ ควรต้องรัดกุมเรื่องความปลอดภัยเป็นพิเศษ ไม่ใช่วัวหายแล้วล้อมคอก
ข้าราชการคนเดิมฝากความห่วงใยว่า ในฐานะที่ทำงานในทำเนียบยอมรับว่ารู้สึกกลัวในเรื่องความปลอดภัยอยู่บ้าง หลังเกิดเหตุคงต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น ไม่อยู่ในจุดเสี่ยง เช่น บริเวณท่อระบายน้ำหรือมุมอับต่างๆ
ขณะที่ผู้สื่อข่าวบอกเล่าถึงนาทีระทึกว่า
"มีเสียงดังมากเกิดขึ้น ขณะที่ดิฉันและกลุ่มเพื่อนนักข่าวนั่งรอทำข่าวอยู่บริเวณบันไดทางเชื่อมระหว่างตึกไทยคู่ฟ้ากับตึกสันติไมตรี จึงมองที่ต้นเสียง ซึ่งห่างจากที่นั่งอยู่ไม่เกิน 30 เมตร เห็นเจ้าหน้าที่ทำเนียบยืนอยู่ใกล้กับท่อระบายน้ำ มีลักษณะตกใจ มึนงงอยู่"
น.ส.อัจฉรา ภู่พัลลภ ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ ช่อง 7 เล่าต่อว่า
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตึกไทยคู่ฟ้า บอกนักข่าวว่าเป็นเสียงระเบิด จึงรีบเรียกช่างภาพ พร้อมวิ่งไปที่เกิดเหตุในทันที ขณะเดียวกันพยายามสังเกตไปที่ตึกไทยฯว่าจะมีปฏิกิริยาอะไรเกิดขึ้นหรือไม่
ก็ได้เห็นภาพชุดรักษาความปลอดภัยนายกฯและข้าราชการ วิ่งออกมาดูกันเต็มไปหมด ขณะนั้นบนตึกไทยฯ นายกฯประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรื่องเว็บไซต์ และที่เกิดเหตุอยู่ใกล้กับสำนักปลัด เห็นข้าราชการกรูกันออกมาดูบริเวณระเบียงตึกเต็มไปหมด
ในเรื่องความปลอดภัย เมื่อมีเหตุเช่นนี้อย่างน้อยคงไม่กล้าเดินเหยียบฝาท่อระบายน้ำอีกแล้ว เพราะไม่รู้ว่าจะเจอแบบนี้อีกหรือไม่ ทั้งที่มันเป็นทางผ่านของคนจำนวนมาก อยู่ใกล้กับที่ทำงาน รถวิ่งผ่านไปมาตลอด
แม้เจ้าหน้าที่จะเคลียร์มาแล้วในระดับหนึ่ง แต่ยังมีระเบิดหลงเหลืออยู่ เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในการมาทำงานของข้าราชการได้ เพราะแค่ยกฝาท่อระบายน้ำ มันยังมีบึ้มเลย ไม่รู้ว่าตามซอกหลืบของตึกจะมีซุกซ่อนอยู่อีกหรือไม่
อย่างตรงที่นายกฯยืนแถลงข่าวอยู่ทุกวัน มีท่อระบายน้ำอยู่ใกล้บริเวณนั้น ไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่ตรวจสอบจุดนั้นหรือยัง
คงต้องระวังตัวกันเอาเอง เพราะถ้าเกิดเหตุร้ายแรงขึ้นจริง ไม่รู้ใครจะเป็นคนรับผิดชอบ
ด้าน น.ส.พนาวรรณ์ จิตสมุทร ผู้สื่อข่าวสำนักข่าววิทยุกรมประชาสัมพันธ์ เผยว่า
ระหว่างนั่งรอทำข่าวด้านหลังตึกไทยคู่ฟ้า ได้ยินเสียงระเบิดดังมาก และมองเห็นกลุ่มควันลอยขึ้นมา เพราะนั่งห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 30 เมตร จึงเดินไปดู คิดว่าเป็นระเบิดแน่นอน แต่ไม่รู้สึกตกใจและไม่คิดว่าเป็นการลอบวางระเบิดหรือสร้างสถานการณ์ หรือเป็นเรื่องใหญ่โต
ระเบิดน่าจะเป็นระเบิดปิง ปองตกค้างมาจากการชุมนุม เพราะเห็นจากลักษณะชิ้นส่วนที่เจ้าหน้าที่เก็บขึ้นมา เป็นเศษพลาสติกสีเขียวอ่อนและสี เขียวแก่ คล้ายกับเมื่อตอนเปิดทำเนียบเพื่อเก็บกู้ระเบิดใหม่ ๆเพราะมีลักษณะคล้ายกัน
เรื่องนี้น่าจะมีผลต่อรัฐบาลเพราะทำเนียบเป็นสถานที่ที่ผู้นำประเทศนั่งทำงานอยู่ แม้จะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่เจ้าหน้าที่ควรตรวจสอบให้ละเอียดอีกครั้ง
เพราะภาพที่ปรากฏออกไป ผลที่ตามมาจะทำให้บุคคลที่จะเดินทางมาที่ทำเนียบหรือข้าราชการ รวมถึงนักข่าวไม่มั่นใจเรื่องความปลอดภัย
ที่สำคัญอีกไม่กี่วันจะจัดงานวันเด็ก อาจกระทบกับความรู้สึกของคนที่จะมาร่วมงานได้
เรื่องนี้ไม่ได้มองว่าจะลุกลามใหญ่โตหรือต้องเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ หรือเพิ่มความเข้มงวดในการเข้าออกทำเนียบ แต่มองว่ารัฐบาลควรออกมาชี้แจงหรือดำเนินการใดๆ เพื่อให้เกิดความมั่นใจมากกว่านี้
แม้จะมีเสียงสะท้อนถึงความห่วงใยจากข้าราชการและสื่อมวลชน
แต่ในฐานะรัฐมนตรีซึ่งมีห้องทำงานอยู่ที่ตึกบัญชาการ นาย สาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.สำนักนายกฯ กลับมองว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นก่อน ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะทำเนียบจะจัดงานวันเด็ก ก่อนจะให้เด็กเข้ามาในทำเนียบต้องตรวจสอบทุกอย่าง 100 เปอร์เซ็นต์ และต้องป้องกันทุกอย่างไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก
"ช่วงเกิดเหตุ ผมอยู่ในห้องกับนายกฯ และรองนายกฯสุเทพ เทือกสุบรรณ ผมให้เจ้าหน้าที่ไปดูที่เกิดเหตุ นายกฯก็สั่งให้ตรวจสอบให้ละเอียด เพราะต้องจัดงานวันเด็ก ทุกอย่างต้องตรวจสอบให้มีความปลอดภัยเกิน 100 เปอร์เซ็นต์"
"แม้ผมต้องทำงานอยู่ในทำเนียบ แต่ไม่ตกใจเพราะคิดว่าเราสัญจรไปมาตลอด อีกทั้งระเบิดก็เกิดในคูน้ำ ไม่ได้ไปเกิดในมุมอับ แต่จากนี้ไปเจ้าหน้าที่ต้องเพิ่มการตรวจสอบให้ละเอียด" นายสาทิตย์กล่าว
นั่นคือเหตุการณ์ในทำเนียบ อันเป็นควันหลงของการชุมนุมของพันธมิตร
ไม่รู้ยังจะมีรัฐมนตรีคนไหนเห็นเป็นเรื่องสนุกอีกหรือไม่