Focus: รุกไล่´ทักษิณ´ ขยายแผลเก่า เปิดแผลใหม่

กรุงเทพธุรกิจ

9 กรกฎาคม 2549 19:49 น.

นับแต่เรื่องปฏิญญาฟินแลนด์ และมาถึงผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ ทำให้ไทยรักไทยอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ยิ่งกลุ่มอีสานกู้ชาติ เปิดแผลใหม่"แผนก่อสงครามกลางเมืองเพื่อรักษาระบอบทักษิณ"ด้วย จะจริงหรือไม่จริงก็ตาม พ.ต.ท.ทักษิณ จะต้องลำบากชี้แจงให้ได้

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ :
ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ วันอาทิตย์ที่ 9 กรกฎาคม 2549 กลุ่มอีสานกู้ชาติ ได้จัดอภิปรายเรื่องแผนก่อสงครามกลางเมืองเพื่อรักษาระบอบทักษิณ ยึดประเทศไทยโดยเบ็ดเสร็จเด็ดขาด โดยนายไทกร พลสุวรรณ แกนนำเครือข่ายอีสานกู้ชาติ กล่าวว่า วันนี้ตนจะมาแฉถึงแผนการก่อสงครามของ"ระบอบทักษิณ" โดยหลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ตัดสินใจกลับเข้ามารับตำแหน่ง รักษาการ นายกรัฐมนตรีอีก

ซึ่งเราก็ไม่ทราบว่าการกลับมารับตำแหน่งองเขาในครั้งนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เพราะเขาได้ลาพักราชการตลอดไปจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 215 เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้มติครม.กลับเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ก็พยายามบีบบังคับให้สื่อมวลชนเรียกเขาว่า นายกรัฐมนตรี ซึ่งถ้าดูตามตำแหน่งที่แท้จริงของพ.ต.ท.ทักษิณ ในปัจจุบัน จะมีตำแหน่งเป็นเพียงรักษาการ นายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่แทนรักษาการ รองนายกรัฐมนตรี ผู้ปฏิบัติหน้าที่รักษาการ นายกรัฐมนตรี ซึ่งตำแหน่งนี้ไม่มีกฎหมายและระเบียบราชการใดในประเทศนี้รองรับ

"รัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นรัฐบาลเถื่อน และตัวพ.ต.ท.ทักษิณ เองก็เป็นนายกรัฐมนตรีเถื่อน เมื่อรัฐบาลเป็นรัฐบาลเถื่อน วิธีการคิดที่จะกำจัดคนที่มีความคิดต่อต้านตัวเองก็เป็นวิธีการที่เถื่อน มีการกำหนดยุทธศาสตร์และยุทธวิธีขึ้น เพื่อที่จะให้ระบอบทักษิณพ้นจากวิกฤตการณ์ ซึ่งสิ่งที่เขาถือว่าเป็นวิกฤตที่สุดคือการยุบพรรคไทยรักไทย ซึ่งขณะนี้เรื่องอยู่ที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ คณะบุคคลที่วางแผนให้ระบอบทักษิณมีอยู่ด้วยกัน 2 กลุ่ม

กลุ่มที่ 1) คือ กลุ่มนักเลือกตั้ง ประกอบด้วยนักการเมืองที่เชี่ยวชาญในการเลือกตั้ง แล้วเข้ามาครองอำนาจรัฐ ซึ่งพวกนี้จะเป็นหัวหน้ากลุ่มหัวหน้าวังต่างๆ
ส่วนกลุ่มที่ 2) คือกลุ่มที่มีความคิดเป็นพวกซ้ายทมิฬ ซึ่งตนเคยพูดกับสื่อมวลชนหลายครั้งว่า ซ้ายบนความคิดสังคมนิยม มีอยู่ 2 พวก คือพวกหนึ่ง คือซ้ายก้าวหน้า ปฏิรูปตนเองเพื่อให้อยู่ในสังคมไทย ซึ่งเป็นสังคมที่อยู่ด้วยกันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย การเอาชนะคะคานอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดทางการเมืองไม่มี เป็นความคิดที่รวมกันเพื่อดูแลชาติบ้านเมือง ให้สงบสุข

แต่พวกที่สอง เป็นอีกพวกหนึ่งที่คิดอยู่ตลอดเวลา ว่าจะต้องยึดประเทศนี้เป็นของตัวเองให้ได้ ไม่ว่าจะใช้วิธีการที่รุนแรงขนาดไหนก็ตาม และสามารถใช้ทุกคนเป็นเครื่องมือในการที่จะได้มาซึ่งอำนาจปกครองในแผ่นดิน ซึ่งพวกนี้คือพวกซ้ายทมิฬ

นายไทกร กล่าวต่อว่า แผนที่เขากำหนดขึ้นมีอยู่ 2 อย่าง คือ 1)ยอมให้มีการเปลี่ยนแปลงอำนาจโดยสันติวิธี ขั้นตอนคือ พ.ต.ท.ทักษิณ จะต้องประกาศวางมือทางการเมือง และให้มีการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นเพื่อเป็นพรรคนอมินี และหาผู้นำใหม่ในพรรคไทยรักไทยขึ้นมา เมื่อจัดวางบุคคลทางการเมืองเรียบร้อย ก็จะมีการส่งสัญญาณไปที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้ กกต. ลาออก

หลังจากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง และมีการทุ่มเงินหาเสียงและให้ได้มาซึ่งจำนวน ส.ส.มากที่สุด โดยมีข้อตกลงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเว้นวรรคเพียงหนึ่งสมัย กลุ่มที่เสนอแนวความคิดนี้ก็คือกลุ่มนักเลือกตั้งอย่างที่ตนบอก

ส่วนแนวทางที่ 2 คือใช้ความรุนแรงในการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เข้ายึดอำนาจบริหารแผ่นดิน อย่างเบ็ดเสร็จ ซึ่งขั้นตอนคือจะต้องมีการจัดตั้งองค์กรประชาชนที่สนับสนุนขึ้นมาเป็นจำนวนมาก เช่น องค์กรเครือข่ายผู้สนับสนุนและรักษารัฐธรรมนูญ สมัชชาประชาชน สมัชชาพิทักษิ์ประชาธิปไตย สมัชชาเครือข่ายชาวนา คาราวานคนจน ชมรมมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ชมรมคนขับแท็กซี่ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาได้จัดตั้งขึ้น

นายไทกร กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นแล้วยังสร้างเครือข่ายในกลุ่มนักวิชาการไม่ว่าจะเป็นสังกัดของรัฐ หรือนักวิชาการที่สังกัดมหาวิทยาลัยของรัฐ และเอกชน หรือนักวิชาการอิสระ กลุ่มเหล่านี้จะเสนอความคิดผ่านสื่อมวลชนในลักษณะที่จะปกป้องไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญ เพราะระบอบทักษิณรอดอยู่ได้ก็เพราะรัฐธรรมนูญปี 2540 และเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่ตัดแปะ คือเอาของเยอรมัน ญี่ปุ่นมาอย่างละส่วน และนำมาผสมกับของสหรัฐอเมริกาจึงกลายเป็นรัฐธรรมนูญตัดแปะที่สร้างความแตกแยกให้ชาติบ้านเมืองเท่าทุกวันนี้

นักวิชาการจะพยายามโน้มน้าวความคิดให้ประชาชนเชื่อว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุด เพราะเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน แต่เป็นรัฐธรรมนูญที่ก่อให้เกิดระบอบการปกครองที่สุด คือ ระบอบทักษิณ เมื่อจัดตั้งองค์กรต่างๆ เรียบร้อยแล้ว กลุ่มคนเหล่านี้ก็จะสร้างประเด็นความขัดแย้งขึ้น เพื่อต้องการให้อารมณ์ของมวลชนแต่ละฝ่าย ทั้งฝ่ายที่ต่อต้านและสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ให้เกิดการปะทะกัน มีการสร้างสถานการณ์เพื่อให้เคลื่อนมวลชนทั้ง 2 ฝ่ายเข้ามาปะทะกัน

หลังจากนั้นแล้วจะมีการยุให้มวลชนทั้ง 2 ฝ่ายทำร้ายหรือฆ่ากัน สุดท้ายจะเป็นตัวจุดชนวนให้เกิดสงครามการเมือง ซึ่งระบอบทักษิณจะใช้ช่วงเวลาของการเกิดสงครามการเมืองในการกวาดล้างและทำลายผู้ต่อต้าน ทีละกลุ่มโดยใช้สถานการณ์ที่วุ่นวายนี้

นายไทกร กล่าวต่อว่า ก่อนที่จะเกิดสงครามกลางเมืองจะเกิดการจลาจลเล็กๆ น้อยๆ ขึ้น การที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่มีความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประชาชนด้วยกัน เหมือนเราใส่เสื้อเหลืองก็จะถามว่าเสื้อเหลืองพวกไหน แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่รู้ว่าแผนของกลุ่มซ้ายทมิฬ ที่เคยอาศัยอยู่ในเขตแอเรีย 30 หรือเขต A 30 ซึ่งกลุ่มนี้ได้เตรียมขั้นตอนสุดท้ายในการสถาปนาการปกครองในระบอบสาธารณรัฐสังคมนิยม

ขั้นตอนนี้จะเกิดหลังสงครามการเมืองและยกระดับเป็นสงครามประชาชน และหลังจากนั้นก็จะเข้าสู่ระบอบสาธารณรัฐสังคมนิยม นั่นคือทำลายสถาบันสำคัญให้หมด เป็นขั้นตอนที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น เกือบทุกประเทศในการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของประเทศ พ.ต.ท.ทักษิณ เลือกที่จะใช้แนวทางที่ 2 เพราะแนวทางทางที่ 1 มีข้อจำกัด เนื่องจากไม่สามารถที่จะไว้วางใจใครได้ ในการที่จะให้มาเป็นผู้นำพรรคไทยรักไทย สิ่งที่เขากลัวที่สุด คือกลัวผู้นำที่ถูกตั้งขึ้นใหม่หักหลัง ด้วยการยึดทรัพย์ จับกุม ดำเนินคดี ติดคุก จนกระทั่งไม่มีวันออกจากคุก

พ.ต.ท.ทักษิณ เลือกที่จะใช้ความรุนแรงในการที่จะเป็นแนวทางในการเอาตัวรอด จากวิกฤตการณ์ทางการเมือง เดี๋ยวนี้มีการดำเนินปฏิบัติการแล้ว โดย พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนแรกที่ให้สัญญาณว่าต้องเดินไปตามขั้นตอนในการเปลี่ยนแปลงโดยใช้ความรุนแรง พ.ต.ท.ทักษิณ เรียกข้าราชการชั้นผู้ใหญ่มาที่ทำเนียบรัฐบาลและประกาศ โดยมีวัตถุประสงค์ 3 ข้อในเรื่องผู้มีบารมี เพราะการพูดของพ.ต.ท.ทักษิณ วันนั้น มีการเตรียมการในการพูดมาอย่างดี พูดเป็นขั้นเป็นตอน

"บันทึกที่กลุ่มซ้ายทมิฬ A 30 เป็นผู้จัดเตรียมให้มีวัตถุประสงค์หลักคือ คือ 1. พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการสื่อไปให้มวลชนที่สนับสนุนตัวเองรู้ว่า ตอนนี้เขาถูกรังแก 2. ต้องการให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหยุดเข้ามาก้าวก่ายการทำงานของศาลรัฐธรรมนูญ ในการยุบหรือไม่ยุบพรรคไทยรักไทย และ3. ต้องการสร้างความโกรธแค้นเกลียดชังให้กับประชาชน ที่มีความคิดเห็นตรงข้ามกับระบอบทักษิณ และสามารถทำให้ประชาชนออกมาเคลื่อนไหวได้จริงๆ รวมทั้งพันธมิตรก็ได้แจ้งความดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และกลุ่มซ้ายทมิฬก็ได้สั่งสัญญาณไปยังมวลชนภาคเหนือและอีสาน ถือเป็นการเข้าล็อคที่เตรียมไว้ นายไทกร ระบุ

พ.ต.ท.ทักษิณ และระบอบทักษิณ กำลังหาความชอบธรรมที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้ง ซึ่งหากประชาชนสังเกต เมื่อพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยประกาศชุมนุมใหญ่ในวันที่ 14 ก.ค. และจะเคลื่อนไปยังทำเนียบรัฐบาล สมัชชาต่างๆ ก็เริ่มประชุมจัดตั้งกัน แต่เขาจะไม่อยู่ใน กทม. มีการประชุมที่อีสานบ้าง ปทุมธานีบ้าง ประชุมกันที่รอบนอก เพื่อรอความชอบธรรมในการเคลื่อนเข้ามา

ขณะนี้ มีชื่อคน 2 คน คือ นายเป็ดหรือนายโอ้ กับนายยุทธ ได้เตรียมการกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งใช้ปฏิบัติการไร้เงา กลุ่มนี้จะคอยสร้างสถานการณ์ความวุ่นวายคือวางระเบิด ตามสถานที่ต่างๆ ในเขต กทม. ในขณะที่มีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ หรือเคลื่อนไปปิดล้อมที่ใดที่หนึ่งเพื่อกดดันให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ลาออก

ที่สำคัญกว่านั้น หลังจากมีการสร้างความสับสนวุ่นวายแล้ว จะมีการลอบทำร้ายผู้นำของฝ่ายประชาชนทั้งฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อผู้นำทั้ง 2 ฝ่ายถูกทำร้ายจิตใจของผู้สนับสนุนจะขาดสะบั้นและจะเห็นกันเป็นศัตรู และสามารถนำอาวุธขึ้นมาฆ่ากันได้ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่เขากำหนดไว้ในการทำสงคราม

นายไทกร กล่าวต่อว่า ถ้าหากปล่อยให้เกิดสงครามกลางเมืองมาสักระยะหนึ่ง สุดท้ายก่อนสงครามจะจบ พ.ต.ท.ทักษิณจะต้องถูกกำจัด มี 2 อย่าง คือไม่ได้อยู่ภายในประเทศ กับ"ตาย"

เหตุที่ตนรู้เพระได้ส่งคนจากเครือข่ายอีสานกู้ชาติไปแทรกตัวอยู่ในขบวนการของเขา และทุกขั้นตอนตนมีหลักฐานชัดเจน

ซึ่งหากฝ่ายที่ถูกกล่าวหาฟ้องร้อง ตนก็พร้อมต่อสู้ในชั้นศาล ทั้งนี้ นายยุทธและนายเป็ดหรือนายโอ้ง เป็นบุคคลที่มีอิทธิพลในการควบคุมคนในภาคของเขา นายยุทธเป็นผู้ที่มีอิทธิพลทางภาคเหนือ และกำลังรวบรวมอาสาสมัครควบคุมไฟป่า เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และเจ้าหน้าที่ อพปร. ส่วนในภาคอีสานก็คือนายเป็ดที่เป็นผู้มีอิทธิพล

โดยนายเป็ดได้เตรียมกำลังไว้ 5 แสนคน โดยประสานไปยัง อบต.ของแต่ละที่ในภาคอีสาน โดยแบ่งเป็น อบต.ละ 10 คน โดยเมื่อประสานงานกันแล้วจะมีการนำกำลังมาซ่องสุมหรือรวมพลกันบริเวณใกล้ ๆ วัดธรรมกาย หรืออาจจะเป็นในวัดธรรมกายเลยก็ได้

ด้าน นายวาริน อัฐนาค ผู้ประสานงานเครือข่ายอีสานกู้ชาติ จ.มุกดาหาร กล่าวว่า วันนี้เราสู้กับคนที่สติสะตังไม่สมประกอบ และเป็นคนเถื่อน เราจึงจำเป็นที่จะต้องทำตัวเราให้ขาวสะอาด หากย้อนกลับมาดูพรรคไทยรักไทย ในประวัติศาสตร์ไม่เคยที่จะมีพรรคการเมืองทำได้ขนาดนี้ คือ เบื้องหน้าเป็นกลุ่มทุนสามานย์ เบื้องหลังเป็นพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย(พคท.) เพราะที่ผ่านมาพรรคการเมืองที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย จะเป็นพรรคการเมืองอย่างเดียว ส่วนของพรรคไทยรักไทยจะเป็นพรรคการเมืองที่เป็นภาพเชิงซ้อน เหมือนภาพมายาคติที่ทับซ้อนกันหลายๆ ชั้น จนทำให้ประชาชนแยกไม่ออก และสนุกสนานกับนโยบายประชานิยมที่พรรคไทยรักไทยใช้หลอกลวง

นายวาริน กล่าวอีกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ วันนี้มีปัญหาเรื่องจริยธรรมและเรื่องการเข้าแทรกแซงองค์กรอิสระ ดังนั้นวันนี้ตนจึงขอเปิดโปง พรรค พคท. ใน ทรท. ให้ประชาชนเห็นอย่างเด่นชัด ซึ่งแผนทั้งหมดเกิดจากกลุ่มคนที่ไม่มีความศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งเราเรียกกลุ่มคนเหล่านี้ว่าซ้ายทมิฬ กลุ่มคนเหล่านี้มาจากพื้นที่ เอ 30 แต่เป็นแนวร่วมซึ่งมีสหายอุดม ศรีสุวรรณ เป็นสหายผู้นำ และเป็นสมาชิกพรรคโดยตรง

ซึ่งหากเรียงลำดับในพรรคไทยรักไทย ตามความสำคัญจะมีอยู่ด้วยกัน 6 คน ซึ่งตนทราบแต่ชื่อจริง ไม่ทราบนามสกุล แต่คิดว่าประชาชนอาจจะทราบนามสกุลก็ได้ คือ 1.นายพินิจ 2. นายอดิศร 3. นายจาตุรนต์ 4. นายภูมิธรรมที่ตัวอ้วนๆ 5.นายพรหมินทร์ และ 6. คนนี้เจ็บแสบมาก คือนายผดุงศักดิ์ ซึ่งบุคคลทั้ง 6 เป็นเพียงแนวร่วมและเป็นกลไกในการชั้นตั้งชั้นความคิด แต่คนที่สำคัญที่สุด ซึ่งอยู่ในพรรค พคท. กำหนดชักใยอยู่เบื้องหลังแถวบ้านตนเรียกว่าอีแอบ เป็นบุคคลที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ความเชื่อถือมากที่สุด ในการกำหนดยุทธศาสตร์ ตนรู้จักแต่ชื่อคือ นายเกรียงกมล และไม่ทราบว่านามสกุลอะไรเช่นกัน

ผู้ประสานงานเครือข่ายอีสานกู้ชาติ จ. มุกดาหาร บุคคลคนนี้จะยกระดับความรุนแรงและความขัดแย้งในสังคมให้มีมากขึ้น ซึ่งหากเป็นอย่างที่นายไทกรได้ทำนายไว้ คนที่จะขึ้นมาแทน พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งอยู่ในใจของนายเกรียงกมลมาตลอดเขาคนนั้นคือ นายพินิจ โดยยุทธวิธีที่กลุ่มคนเหล่านี้จะใช้คือการเริ่มประสานแนวร่วมโดยการไประดมคนมาแล้วจัดตั้งเป็นองค์กร และหากินกันเองในองค์กรเหล่านั้น ถือเป็นพวกจักรวรรดิชาวนาซึ่งบุคคลเหล่านี้ ชื่อนายนคร และนายคำตา ซึ่งตนก็ไม่ทราบนามสกุลอีกเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อโจรอยู่กับโจรย่อมไม่มีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน พ.ต.ท.ทักษิณ จึงแต่งตั้งคนของตัวเองให้เป็นคนจ่ายเงินและรายงานถึงความคิดและความคืบหน้า ของขบวนการที่คนเหล่านี้ได้จัดตั้งขึ้น โดย 2 คน ที่รับผิดชอบเรื่องนี้ชื่อเล่น คือ นายยุทธ และนายโอ้งหรือนายเป็ด ซึ่งจะเข้ามาจัดการทางด้านความคิด และเมื่อเนติบริกร 2 คนลาออกไป 2 คนนี้ก็เสียบเข้ามา

นายวาริน กล่าวต่อว่า ยังมีข้าราชการแถวอีสานใต้บางคนที่รับใช้ขบวนการนี้อยู่ และเป็นคนเคลียร์ค่าใช้จ่ายในโซนอีสาน ชื่อนายประเสริฐ และนายโสภณโดยประสานผ่านนายโอ้งและนายยุทธ สิ่งที่ขบวนการอีสานกู้ชาติพยายามเปิดเผยมาตลอด เป็นสิ่งที่เป็นประเด็นร้อนของสังคม ไม่ว่าจะเป็นกรณีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญกรณีพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็ก และวันนี้เราก็ได้เปิดเผยข้อมูลสำคัญคือขบวนการซ้ายทมิฬ ทั้งนี้เพื่อต้องการเรียกร้องให้กองทัพลุกขึ้นมาปกป้องสถาบัน และอำนาจที่แท้จริงของประชาชน วันนี้ต้องขอขอบคุณข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจที่ส่งข้อมูลมาให้เป็นจำนวนมาก เราจะไม่ยอมให้คนที่สติไม่สมประกอบ ขึ้นมาเถลิงอำนาจ เพื่อสถาปนาระบบของตัวเอง

ด้าน นายชิงชัย มงคลธรรม หัวหน้าพรรคความหวังใหม่ กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์ทางการเมืองกำลังตกอยู่ในภาวะล่อแหลม อยากจะถามรัฐบาลว่าอำนาจที่มีอยู่นั้น รัฐบาลนำไปรับใช้อะไร เพราะเมื่อใดที่คุณได้อำนาจมาแล้วใช้ไม่ถูกต้อง บ้านเมืองก็จะมีปัญหาและดูเหมือนว่าจะไม่มีความรับผิดชอบอะไรตามมาจากรัฐบาลชุดนี้ เมื่อเกิดปัญหาขึ้น วันนี้เราไม่สามารถตอบได้ ว่าสถานภาพของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทักษิณ คืออะไร เพราะเป็นรัฐบาลที่ถูกแต่งตั้งขึ้นโดยระบอบรัฐสภา แต่มีอำนาจเหนือกว่าสภาเสียอีก

"ทุกวันนี้มีคนบอกให้พวกเราถอย ผมอยากบอกว่าเราถอยไม่ได้หรอก เพราะเราได้ยืนหยัดอยู่ในสิ่งที่ถูกต้อง การบอกให้คนที่ยืนหยัดอยู่ในสิ่งที่ถูกต้องถอยมันลำบาก โดยเฉพาะเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันซึ่งมีให้เห็นอยู่ดาษดื่นในรัฐบาลชุดนี้ และผู้นำพยายามตั้งคำถามโดยถามหาใบเสร็จ คำถามเหล่านี้ ผมอยากให้เลิกถามได้แล้ว เพราะประเทศที่เจริญแล้วเขาไม่ทำกัน ขนาดนายกรัฐมนตรีของประเทศเกาหลีใต้ไปตีกอล์ฟในขณะที่มีการประท้วงของพนักงานการรถไฟ เขายังมีจิตสำนึก ลาออกเลย ดังนั้น ประเทศเราต้องสร้างความเข้มแข็งด้านจริยธรรมให้เกิดขึ้น ไม่ใช่ปล่อยให้อ่อนแออย่างเช่นทุกวันนี้"

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์