ยื่นสมัคร ส.ส.เขตวันแรกเงียบ เหตุไม่มีคู่แข่งที่สมราคา
สมัครส.ส.เขต วันแรกเงียบสนิท เหตุไม่มีคู่แข่งที่สมราคา "เจ้แดง"หิ้วลูกทีมไปสมัครแล้ว มั่นใจเชียงใหม่ได้ยกจังหวัด ดึงรองประธานสภา อบจ.ลงเขตใหม่ เช่นเดียวกับที่ขอนแก่นมีแค่คนของไทยรักไทยไปสมัคร ส่วนสงขลาแหล่งฐานเสียง ปชป.เงียบไม่แพ้กัน ไทยรักไทยโผล่สมัครแล้ว 2 คน
บรรายากาศในการรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขต ของ กทม. ที่อาคารนิมิบุตร สนามกีฬาแห่งชาติ ซึ่งรับสมัครเป็นวันแรก ปรากฏว่าบรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเหงา มีผู้สมัครมาเพียงประปรายเท่านั้น คาดว่าจะคึกคักขึ้นในช่วงสายๆ เนื่องจากผู้สมัครของพรรคไทยรักไทย จะเดินทางมาสมัครพร้อมกันในเวลา 10.00 น.
นายสงวน ลิ่วมโนมนต์ ประธาน กกต. กทม. กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้ง กทม.ว่า แม้การเลือกตั้งครั้งนี้จะมีเวลาในการเตรียมการค่อนข้างสั้น แต่ก็ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด เพราะ กกต. กทม. มีแผนงานอยู่แล้ว โดยจะใช้แผนปฏิบัติงานการเลือกตั้ง ส.ว. มาเป็นแผนในการปฏิบัติงานครั้งนี้ ส่วนการตรวจสอบการเลือกตั้ง ก็จะเชิญหลายๆองค์กรมาร่วมตรวจสอบ อาทิสภาทนายความ หรือ องค์กรกลาง
ต่อกรณีที่มีการระบุว่า การแบ่งเขตใหม่ของ กทม. ไม่มีความเป็นธรรมนั้น นายสงวน กล่าวว่า กกต. ยึดหลักประชากรเป็นหลัก และเราอาศัยเรื่องความใกล้เคียงของพื้นที่เดิม มาเป็นตัวกำหนดการแบ่งเขต พร้อมทั้งยืนยันว่าไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
ส่วนบรรยากาศการสมัครรับเลือกตั้งในต่างจังหวัดก็ไม่คึกคักเช่นกัน เนื่องจากมีผู้สมัครที่น่าสนใจเพียงพรรคเดียวคือ พรรคไทยรักไทย ส่วนพรรครองๆลงมา คือ พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคชาติไทย ได้มีมติร่วมกันไม่ส่งสมาชิกลงเลือกตั้งมาตั้งแต่ต้น ทำให้บรรยากาศการสมัครรับเลือกตั้งไม่คึกคักเหมือนครั้งที่ผ่านๆมา
โดยเมื่อตอนเช้าที่ผ่านมา ที่ จงเชียงใหม่ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทย ได้นำสมาชิกพรรค และผู้สมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งเป็น ส.ส.เก่าไปยื่นใบสมัครเรียบร้อยแล้ว โดยใช้เวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น เนื่องจากไม่มีพรรคการเมืองอื่นไปยื่นใบสมัครเช่นกัน
โดยการรับสมัคร ส.ส.เชียงใหม่ จัดขึ้นที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงใหม่ ถนนเมืองสมุทร ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ได้มีกลุ่มชาวบ้านเดินทางไปคอยให้กำลังใจกับผู้สมัครตั้งแต่เวลา 07.30 น. ขณะที่นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และประธานพรรคไทยรักไทยสาขาภาคเหนือนำทีมผู้สมัครพรรคไทยรักไทยในแต่ละเขต เดินทางมาพร้อมกันด้วยรถตู้มาถึง กกต.เชียงใหม่ ในเวลา 09.00 น.
จากนั้นได้พาลูกพรรคนำเอกสารลงสมัครครบทุกเขตรวม 11 เขต โดย 10 เขต แรกเป็นผู้สมัครที่เคยได้รับเลือกตั้งในครั้งที่ผ่านมาทั้งหมด ประกอบด้วย เขต 1 นายปกรณ์ บูรณุปกรณ์ , เขต 2 นายพายัพ ชินวัตร , เขต 3 นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ , เขต 4 นายวิทยา ทรงคำ เขต 5 นายพรชัย อรรถปรียางกูล , เขต 6 นายนพคุณ รัฐผไท , เขต 7 นายสุรพล เกียรติไชยากร , เขต 8 นางผณินทรา ภัคเกษม , เขต 9 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ และ เขต 10 นายสันติ ตันสุหัช
ส่วนเขต 11 ซึ่งเพิ่มเติมจากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น พรรคไทยรักไทยได้ส่งนายโสภณ โกชุม อดีต รองประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยเขต 11 มีพื้นที่แบ่งจากเขต 4 ของนายวิทยาทรงคำ ครอบคลุมพื้นที่ อ.พร้าว , อ.ไชยปราการ ยกเว้นตำบลปงตำและตำบลหนองบัว , อ.ฝาง ยกเว้น ต.แม่คะ ต.แม่สูน ต.เวียง และ ต.สันทราย และ อ.แม่แตง เฉพาะ ต.บ้านเป้า และ ต.แม่หอพระ โดยเขต 11 มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมด 138,230 คน
หลังการรับสมัครเสร็จสิ้น นางเยาวภาพร้อมด้วยผู้สมัครทั้ง 11 คน ได้เข้าไปทักทายกับชาวบ้านที่มาให้กำลังใจประมาณ 200 คน บริเวณด้านหน้าอาคาร กกต.เชียงใหม่ โดยกลุ่มชาวบ้านได้ยื่นดอกกุหลาบสีแดงให้กับผู้สมัครพร้อมตะโกนเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับมาเป็นนายกรัฐมานตรีตามเดิม อย่างไรก็ตามในวันแรกของการเปิดรับสมัครลงเลือกตั้งคงมีเพียงผู้สมัครจากพรรคไทยรักไทยเพียงพรรคเดียวที่เดินทางมาลงสมัคร โดยไม่มีผู้สมัครจากสามพรรคร่วมฝ่ายค้านและพรรคอื่น ๆ มาสมัครแม้แต่รายเดียว
นางเยาวภา กล่าวว่า การนำลูกพรรคมาลงสมัครในครั้งนี้เป็นไปตามกติกาของระบอบประชาธิปไตย โดยมั่นใจว่าจะได้ครบทั้ง 11 เขต ส่วนเขตที่ 11 ก็ไม่น่าเป็นห่วง เพราะนายโสภณ เป็นคนในพื้นที่และเคยเป็น ส.อบจ.เขตในพื้นที่มาก่อนจึงไม่น่ามีปัญหา และหากในแต่ละเขตไม่มีคู่แข่งขันก็มั่นใจว่าจะมีประชาชนมาใช้สิทธิ์และได้คะแนนเกินร้อยละ 20 อย่างแน่นอน เพราะชาวเชียงใหม่รู้ดีถึงผลงานของ พ.ต.ท.ทักษิณ ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ส่วนการเดินทางมาปราศัยที่สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในเวลาประมาณ 19.00 น. ของวันที่ 4 มี.ค. ก็เพื่อปราศัยและมอบนโยบายให้กับผู้สมัครของพรรคในภาคเหนือ โดยจะเน้นนโยบายปฏิรูปการเมือง
ด้านนายโสภณ โกชุม กล่าวว่า ในช่วงการหาเสียง จะรณรงค์ให้ประชาชนได้รับทราบถึงนโยบายของพรรคและชี้แจงในการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่เพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจอย่างทั่วถึงรวมถึงรณรงค์ให้ไปออกเสียงเลือกตั้ง ซึ่งเชื่อว่าในที่สุดแล้วจะมีประชาชนอกไปใช้สิทธิ์เป็นจำนวนมาก สำหปรับเขต 11 ซึ่งถูกแบ่งมาจากเขต 4 ของนายวิทยาทรงคำ จะมีการประสานงานกับนายวิทยาในการแบ่งทีมงานเข้ามาช่วยอีกแรงหนึ่งซึ่งทั้งหมดนี้ไม่รู้สึกหนักใจแม้แต่น้อย
สงขลาไทยรักไทยไปสมัครแค่ 2 คน
ส่วนที่ จ.สงขลา ซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ บรรยากาศการเปิดรับสมัคร ส.ส.วันแรก ที่บริเวณอาคารกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคงศรีวิชัย อ.เมือง จ.สงขลา ตั้งแต่เริ่มเปิดรับสมัครมาเมื่อเวลา 08.30 น.ปรากฎว่า บรรยากาศทั่วไปค่อนข้างจะเงียบเหงา โดยมีผู้สมัครจากพรรคไทยรักไทยเดินทางมาลงสมัครเป็นคนแรกในเวลา 09.20 น. คือ นายสุรศักดิ์ มณี ผู้
สมัคร ส.ส.สงขลา เขต 8 พรรคไทยรักไทย
จากนั้นไม่นาน ก็ได้มีนายกิตติพัฒน์ แก้วมณี ผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยรักไทย เขต 4 สงขลา ลงรับสมัครเป็นคนที่สอง โดยเฉพาะในรายของนายสุรศักดิ์ นั้น ได้มีทีมงานและผู้สนับสนุน เดินทางมาให้กำลังใจจำนวนหนึ่ง พร้อมกับนำป้ายสนับสนุนระบอบทักษิณ มาชูที่บริเวณสถานที่รับสมัครด้วย
จากนั้นไม่นาน ขณะที่ทั้งคู่กำลังลงสมัคร นายทวีเกียรติ รองสวัสดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยรักไทย เขต 6 สงขลา และนายวันชัย ปริญญาศิริ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยรักไทย เขต 1 สงขลา เดินทางมาให้กำลังใจแก่นายสุรศักดิ์ และนายกิตติพัฒน์ ด้วย โดยนายทวีเกียรติ และนายวันชัย ระบุว่า ตนทั้งสองคนจะเดินทางมาลงสมัครในวันจันทร์ ที่ 6 มีนาคม
ด้านนายไพฑูรย์ เจ๊ะแฮ ผอ.กกต.สงขลา กล่าวว่า การรับสมัคร ส.ส.ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร โดยเฉพาะบุคคลากรที่ทำหน้าที่รับสมัคร เนื่องจากผู้สมัคร ส.ส.จะทยอยกันมา ส่วนคณะกรรมการนับคะแนนของพื้นที่ จ.สงขลา ก็จะใช้กลุ่มนักศึกษาและทหารเป็นหลัก ขณะที่คณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง ก็ยังคงใช้ข้าราชการครูเป็นกำลังหลักเช่นเดิม
ส่วนเรื่องของการออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งของประชาชนนั้น ทาง กกต.ไม่ได้ตั้งเป้ากับยอดจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ครั้งนี้ว่าจะมีมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งมากน้อยเพียงใด โดยให้เหตุผลว่า มีผู้สมัครเพียงพรรคเดียว การมาใช้สิทธิ์จึงไม่สามารถประเมินได้
ขณะที่นายสุรศักดิ์ มั่นใจว่า ประชาชนยังคงให้การสนับสนุนและออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งเกิน 20 เปอร์เซ็นต์ เพราะการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ตนเองได้คะแนนเสียงไว้วางใจจากประชาชนกว่า 20,000 คะแนน และการเลือกตั้งครั้งนี้ เมื่อทางพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ส่งผู้สมัคร ทางประชาชนจะหันมาเทคะแนนเสียงให้ตนเองเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากตนเองเคยอยู่พรรคประชาธิปัตย์มาเช่นกัน และไม่เคยขัดแย้งกับพรรคประชาธิปัตย์
"การเมืองที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ มีการโจมตีระบอบทักษิณ แต่ถามว่าระบอบทักษิณ คือ การให้เงินกองทุนหมู่บ้านลงมา ลูกคนจนได้เรียนหนังสือ โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ทุกหมู่บ้านต้องมีประปาใช้ และโครงการเอสเอ็มแอล ซึ่งโครงการเหล่านี้เป็นระบอบทักษิณทั้งสิ้น เป็นโครงการที่ดี ดังนั้นมั่นใจว่าขณะนี้ยังมีการเข้าใจผิดกันอยู่เรื่องของระบอบทักษิณ ผมจึงต้องชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจถูกต้อง" นายสุรศักดิ์ กล่าว
ขอนแก่นสมัครส.ส.วันแรกมีเพียงทรท.ตามคาด
ส่วนที่ขอนแก่น ความเคลื่อนไหวของผู้สมัคร ส.ส.ในจังหวัดขอนแก่น ตั้งแต่เช้าของวันที่ 4 มี.ค. ซึ่งเป็นการเปิดรับสมัคร ส.ส.เขตวันแรก หลายคนได้เดินทางไปกราบไหว้ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง เพื่อเป็นสิริมงคลก่อนเดินทางไปยังศาลาประชาคม ซึ่งเป็นสถานที่รับสมัคร โดยในช่วงเช้าที่ผ่านมามีเพียงผู้สมัครจากพรรคไทยรักไทยทยอยกันเดินทางมายื่นใบสมัครเพียงพรรคเดียว ทำให้บรรยากาศไม่ค่อยคึกคักมากนัก
เวลา 08.00 น. นายจักริน พัฒน์ดำรงจิตร ผู้สมัครพรรคไทยรักไทยเขต 1 ได้เดินทางมาถึงบริเวณที่สมัครเป็นคนแรก พร้อมด้วยทนายความ จากนั้นได้เข้าไปยื่นใบสมัครกับคณะกรรมการเลือกตั้งเขต 1 หลังจากผ่านการตรวจสอบจาก กกต.เรียบร้อยแล้วได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงความมั่นใจในการเลือกตั้งครั้งนี้
นายจักริน กล่าวว่า ไม่ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีคู่แข่งหรือไม่ ก็ต้องลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับประชาชนเพื่อแสดงจุดยืน ส่วนนโยบายที่จะใช้หาเสียงในครั้งนี้ คงเป็นนโยบายเดิมของพรรคที่ประกาศไว้เมื่อการเลือกตั้งปี 2548 ซึ่งมีหลายโครงการที่ยังไม่ได้ดำเนินการ รวมถึงชูนโยบายเรื่องการแก้จน การศึกษา และฟื้นฟูเศรษฐกิจระดับกลาง
" การทำงานที่ผ่านมาของรัฐบาลมาหลายเรื่องที่สามารถดำเนินการได้ผลดี เป็นเพราะมีโอกาสได้ทำงานต่อเนื่อง แต่เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ ดังนั้นครั้งนี้หากประชาชนต้องการให้พรรคเข้ามาสานต่องานและแก้ไขปัญหาต่อ ต้องออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง " นายจักริน กล่าว
จากนั้นมีผู้สมัครของพรรคไทยรักไทยที่ถือฤกษ์ดีเวลา 09.00 น. ทยอยเดินทางมาลงสมัครอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย นายเรืองเดช สุพรรณฝ่าย เขต 11 , นายสุชาย ศรีสุรพล เขต 7 , นายสมศักดิ์ คุณเงิน เขต 8 , นายภูมิ สาระผล เขต 5 , นพ.อรรถสิทธิ์ กาญจนสินิทธิ์ เขต 9 , นายจตุพร เจริญเชื้อ เดินทางมาพร้อมกับนายพงศกร อรรณนพพร เขต 10 ซึ่งกองเชียร์เดินถือป้ายหาเสียงมาด้วยประมาณ 50 คน
ผู้สมัครที่มีกองเชียร์เดินทางมาให้กำลังใจมากที่สุด คือ นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ ผู้สมัครพรรคไทยรักไทยเขตเลือกตั้งที่ 2 ซึ่งมีชาวบ้านกว่า 200 คน ยืนถือป้ายผ้า , ป้ายหาเสียง และรถแห่จำนวน 5 คันมาจอดรอบริเวณด้านหน้าสถานที่รับสมัคร ทันทีที่ นายประจักษ์ มาถึงศาลาประชาคม ชาวบ้านเข้าคล้องพวงมาลัย และใช้ผ้าขาวม้าผูกเอว พร้อมกับตะโกนต้อนรับ รวมถึงสนับสนุนให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป เมื่อผู้สมัครเข้ายื่นเอกสารกับ กกต.หน่วยเลือกตั้ง ชาวบ้านทั้งหมดก็เดินทางกลับทันที
น.ส.ปริศนา วัฒโน อายุ 19 ปี แม่ค้าขายลูกชิ้นทอด กล่าวว่า การเปิดรับสมัครปีนี้ไม่ค่อยคึกคัก เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยปีที่แล้วมีคนเดินทางมาจำนวนมากตั้งแต่ช่วงเช้า ทำให้พ่อค้าแม่ค้าที่นำของมาขายด้านหน้ากว่า 10 เจ้า ขายดิบขายดีในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง ต้องออกไปหาซื้อของมาเพิ่ม แต่ในปีนี้มีคนเดินทางมาไม่มากนัก บรรยากาศเงียบเหงา ทำให้ขายของไม่ดีตามไปด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลาประมาณ 10.30 น. นางมุกดา พงษ์สมบัติ ผู้สมัครจากพรรคไทยรักไทยเขต 4 ได้เดินทางมายื่นใบสมัคร โดยมีนายสนั่น พงษ์สมบัติ สามีมาเป็นกำลังใจไม่ห่าง ทำให้ในช่วงเช้าของวันนี้ผู้สมัครพรรคไทยรักไทยเดินทางมายื่นเอกสารแล้ว 10 เขต เหลือเพียงนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ผู้สมัครเขต 6 เพียงรายเดียว ที่คาดว่าจะเดินทางมาสมัครในช่วงบ่าย
นายอำนวย สังข์ช่วย ผอ.กกต.จ.ขอนแก่น กล่าวว่า การดำเนินการรับในวันแรกเรียบร้อย ไม่มีปัญหาขัดข้อง เบื้องต้นมีเพียงผู้สมัครจากพรรคไทยรักไทยเท่านั้น คาดว่าผู้สมัครพรรคอื่นทยอยเดินทางมาในช่วงบ่าย หรือ ช่วง 2-3 วันสุดท้าย เพราะยังมีระยะเวลาเหลืออีก 4 วัน ซึ่งหลังจากรับสมัครเสร็จเรียบร้อยทาง กกต.ได้เร่งนำป้ายชื่อและรูปถ่ายของผู้สมัครทุกคนออกติดตั้งตามมุมเมืองต่าง ๆ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้กับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทราบ คาดว่าจะมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งครั้งนี้มากว่าร้อยละ 70 แน่นอน